จากการชุมนุม ของประชาชนรวมตัวกันชุมนุมที่ลานสกายวอล์กหน้าหอศิลปกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2561 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล คสช. ในขณะนั้นจัดการเลือกตั้ง ต่อมามีการตั้งข้อกล่าวหากับผู้ชุมนุมทางการเมือง ข้อหาชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 และข้อหาชุมนุมในสถานที่หวงห้ามตาม มาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ

ทว่าคดีของผู้ชุมนุมยังคงอยู่ในชั้นของตำรวจ และอัยการ ยาวนานนับปี กระทั่งเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2562 พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงปทุมวันได้แจ้งกับผู้ต้องหาและทนายความให้ทราบว่า หลังจากได้ส่งสำนวนให้ทางอัยการสูงสุดวินิจฉัย และอัยการสูงสุดได้มีความเห็นให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในคดี อัยการเจ้าของสำนวนจึงได้ให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติมแล้ว ทางอัยการได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี โดยยังไม่ขอระบุรายละเอียดของคำสั่งไม่ฟ้อง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2562 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วันนี้ (19 พ.ย. 2562 ) อัยการศาลแขวงปทุมวันแจ้งกับทนายความของกลุ่มผู้ชุมนุม “คนอยากเลือกตั้ง MBK39” ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีความเห็นว่าไม่ฟ้องคดีชุมนุมที่สกายวอล์คสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติบริเวณหน้าห้าง MBK เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2561 ซึ่งเป็นความเห็นที่ตรงกับอัยการว่าไม่สั่งฟ้องคดีเช่นกัน เป็นผล ทำให้คดีนี้สิ้นสุดลงแล้ว

โดยอัยการแจ้งว่าในรายละเอียดให้ผู้ต้องหาในคดีไปรับคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ได้ที่ สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็นสน.ท้องที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ดี ศูนย์ทนายฯ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า คดีที่สิ้นสุดไปนี้เป็นเฉพาะในส่วนของกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวน 28 คนเท่านั้น แต่ในส่วนคดีของกลุ่มแกนนำยังต้องรอการสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายและพยานฝ่ายจำเลยต่อในเดือนมี.ค. 2563 ระหว่างวันที่ 12-13, 19-20 และ 26-27