นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA ได้ปรับรูปแบบการจัดโครงการต้นกล้า ทู โกลใหม่ เป็นการฝึกอบรมแบบไฮบริด ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ได้มีโอกาสก้าวเข้าไปสู่เวทีการค้าสากล แม้จะเป็นช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยปีนี้ ได้เน้นการช่วยพัฒนา SMEs ในพื้นที่ภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคเหนือ ซึ่งจะเริ่มต้นที่ภาคใต้ก่อนในวันที่ 23 มิ.ย.2563 นี้
“กรมฯ ได้จัดโครงการต้นกล้า ทู โกล เป็นปีที่ 9 แล้ว แต่ปีนี้พิเศษ เพราะเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ปรับการฝึกอบรมเป็นแบบไฮบริด มีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจ การทำการค้า มาช่วยวางแผนการทำธุรกิจ การพัฒนาสินค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ และเรียนรู้ช่องทางการจำหน่ายทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ตลอดจนการก้าวไปสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศ เพราะสินค้าของ SMEs ทุกวันนี้ มีความหลากหลาย มีคุณภาพ หากส่งเสริมให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ก็จะขยายตลาดได้อีกมาก”
ทั้งนี้ ในส่วนของ SMEs ที่ผ่านการฝึกอบรมกับกรมฯ จะได้รับการผลักดันให้มีช่องทางการเปิดตลาดใหม่ๆ โดยในประเทศ จะประสานกับผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น กลุ่มเซ็นทรัล คิงเพาเวอร์ ให้มาคัดเลือกสินค้าไปจำหน่าย หรือในตลาดต่างประเทศ จะสนับสนุนให้มีโอกาสในการออกไปเปิดตลาดใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับแต่ละผลิตภัณฑ์ด้วย
ด้าน น.ส.อารดา เฟื่องทอง ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กล่าวว่า จะรับสมัครผู้ประกอบการและคนทั่วไปที่สนใจทำธุรกิจระหว่างประเทศจากพื้นที่ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก เข้าร่วมโครงการ มีเป้าหมายรวม 450 ราย และจากนั้นจะคัดเลือกเหลือ 45 ราย ที่มีสินค้าจริง เพื่อเข้าร่วมโครงการในระยะต่อไป ที่จะมีการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ทั้งความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ วิธีการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการจัดทำแผนธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกไปทำธุรกิจ
สำหรับระยะเวลาดำเนินโครงการ จะเริ่มต้นที่ผู้ประกอบการ SMEs ภาคใต้ วันที่ 23 มิ.ย.-3 ก.ค.2563 ภาคตะวันออก เริ่มวันที่ 14 ก.ค.-31 ก.ค.2563 และภาคเหนือ เริ่มวันที่ 3 ส.ค.-20 ส.ค.2563