ไอลีน กู่ นักกีฬาสกีลูกครึ่งจีนอเมริกันวัย 18 ปีจากนครซานฟรานซิสโกของสหรัฐฯ ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมตามคาดในการแข่งขันสกีรอบฟรีสกีบิ๊กแอร์หญิงของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 8 ก.พ. ซึ่งเธอได้คะแนนสูงสุดที่ 188.25 คะแนน และสามารถคว้าเหรียญทองให้กับทีมชาติจีนได้สำเร็จ
'ไอลีน กู่' หรือ 'กู่อ้ายหลิง' เป็นลูกครึ่งที่มีพ่อเป็นชาวอเมริกัน และแม่ชาวจีน เธอเติบโตในนครซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนียร์ของสหรัฐฯ และเป็นเด็กที่ชื่นชอบการเล่นสกีมาตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น โดยที่ผ่านมาเธอเคยคว้าเหรียญทองมาแล้ว 8 เหรียญจากหลายสนาม เช่น โอลิมปิกเยาวชนปี 2020 วินเทอร์เอ็กส์เกมส์ 2021 และสกีชิงแชมป์โลก 2021
China 🇨🇳 ice princess #EileenGu has officially became the queen 👸🏽 of Big Air at #Beijing2022WinterOlympics !!!
— Carl Zha (@CarlZha) February 8, 2022
What an incredible finish! Congratulations! Eileen 🥇🥇🥇 pic.twitter.com/OM2DeFyFCo
ไม่เพียงแต่การประสบความสำเร็จในวงการกีฬาเท่านั้น ที่ผ่านมาหลายคนอาจคุ้นหน้าไอลีนในฐานะ 'นางแบบมืออาชีพ' อีกด้วย เพราะเธอเคยมีประสบการณ์การทำงานให้กับเวทีแฟชั่นระดับโลกอย่าง 'วิกตอเรียซีเครท' ไปจนถึงการทำงานให้กับแบรนด์ดังอย่างหลุยส์วิตตอง ทิฟฟานีแอนด์โค เฟนดิ และกุชชี เป็นต้น โดยมีเอเจนซีระดับโลกอย่าง IMG Models เป็นต้นสังกัด
ไอลีน กู่ ได้กลายเป็นคนดังที่ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอตั้งแต่ก่อนการเริ่มต้นแข่งขันใน ปักกิ่ง 2022 ด้วยซ้ำ ชื่อของเธอได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วและได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน หนึ่งในปัจจัยหลักคือการที่เธอสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างดีเยี่ยม โดยสื่อใหญ่ของจีนต่างเรียกเธอว่า "เจ้าหญิงหิมะ" หรือไม่ก็ "นักสกีผู้อัจฉริยะ"
หากเดินไปตามถนนหนทางในเมืองหลวงของจีนก็จะได้พบกับป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ของเธอมากมายทั้งการโปรโมทมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวไปจนถึงแบรนด์สินค้าของจีน แถมยังมีใบหน้าของไอลีนอยู่บนปกแมกกาซีน VOGUE และได้เห็นภาพเคลื่อนไหวและเสียงบรรยายของเธอในคลิปวิดีโอของ 'ปักกิ่ง 2022' อีกด้วย
สำนักข่าว BBC รายงานว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา กรณีสัญชาติของเธอยังคงเป็นปริศนาที่ไม่ถูกคลี่คลาย และดูเหมือนว่ายังไม่มีใครได้ยินคำตอบที่ชัดเจนจากเจ้าตัว ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะที่ผ่านมารัฐบาลจีน 'ไม่อนุญาตให้นักกีฬาถือสองสัญชาติ' การจะเข้ามาเป็นทีมชาติจีนหมายความว่าบุคคลนั้นจะต้องสละสัญชาติเดิมทิ้งเสียก่อน
ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีที่แบรนด์ดังอย่าง Red Bull ซึ่งเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ได้เขียนระบุบนเว็บไซต์ว่า ไอลีน กู่ ตัดสินใจทิ้งสัญชาติอเมริกันเพื่อลงแข่งให้กับทีมชาติจีน อย่างไรก็ตามข้อความดังกล่าวได้ถูกลบไปเรียบร้อยหลังจากที่สื่อใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง The Wall Street Journal ได้พยายามถามหาข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ว่านักสกีคนดังสละสัญชาติอเมริกันแล้วจริงหรือไม่
นั่นเป็นเพราะการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงระหว่าง สหรัฐฯ และจีน ไปจนถึงกรณีที่จีนถูกกล่าวหาอย่างรุนแรงเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์จนหลายชาติตะวันตกประกาศบอยคอต การเลือกลงแข่งให้ทีมชาติจีนแทนที่จะเป็นบ้านเกิดอย่างสหรัฐฯ จึงอาจกระทบสัญญาที่ไอลีนมีร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย
ไอลีน กู่ เคยให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่า "การเป็นเด็กมันหมายความว่าคุณต้องการเรียนรู้ที่จะหาคำตอบให้กับสิ่งต่างๆ และคุณต้องคอยระวังก่อนที่คุณจะบอกความลับกับใคร" ขณะที่เอเจนซี่ของเธอเคยกล่าวกับ The Economist หลังจากที่ไอลีนปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เองว่า "หากมีข้อความที่ไอลีนวิจารณ์จีนและประเด็นสิทธิมนุษยชน เธอและเส้นทางอาชีพของเธออาจตกอยู่ในอันตราย"
CNA รายงานหลังการคว้าเหรียญทองในวันที่ 8 ก.พ.ของไอลีนว่าเธอยังคงเลี่ยงที่จะตอบคำถามเรื่องการทิ้งสัญชาติอเมริกันอยู่ดีโดยเธอตอบว่า "ฉันได้ใช้เวลาทั้งชีวิตราว 25%-30% ในประเทศจีน ฉันสามารถพูดและเข้าใจวัฒนธรรมของทั้งสหรัฐฯ และจีนได้เป็นอย่างดี การกลับมาที่นี่จึงเหมือนเป็นการกลับบ้าน ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นทั้งคนอเมริกันและคนจีน"
ทั้งนี้ BBC รายงานว่าปัจจุบัน ไอลีน กู่ มีสัญญาทางธุรกิจร่วมกับหน่วยงานและบริษัทในจีนมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ธนาคารกลางจีน China Mobile และ JD.com
ลิซา ไพค์ มาสเตอร์อะเล็กซิส อาจารย์ด้านการจัดการกีฬาแห่ง University of Massachusetts กล่าวกับสำนักข่าว VOA ว่า การตัดสินใจของไอลีนในการเข้าร่วมทีมชาติจีนนั้นเป็นสิ่งที่ชาญฉลาดมาก ส่วนซูซาน บราว์เนล อาจารย์มานุษยวิทยาแห่ง University of Missouri ก็ชี้ว่าเธอสามารถดึงดูดสปอนเซอร์รายใหญ่ได้มากมาย ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินมูลค่ามหาศาล ซึ่งดีต่อทั้งตัวเธอและต้นสังกัด