ข้อมูลจากการประชุมสภาบิชอปแห่งเยอรมนีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ค.) เปิดเผยว่า ปี 2018 มีสมาชิกของคริตจักรนิกายโรมันคาทอลิกในเยอรมนีลาออกทั้งสิ้น 216,078 คน ขณะที่นิกายโปรแตสแตนท์มีสมาชิกขอลาออกจากการเป็นผู้สนับสนุนโบสถ์อีกประมาณ 220,000 คน
ขณะที่ตัวเลขสมาชิกโบสถ์ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในเยอรมนีปัจจุบันมีประมาณ 23 ล้านคน และนิกายโปรแตสแตนท์มีประมาณ 21.14 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 53.2 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรเยอรมันที่มีกว่า 83 ล้านคน
ในแต่ละปี ประชาชนชาวเยอรมันจะต้องเสียภาษีบำรุงศาสนาให้แก่โบสถ์ถึง 9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวจะถูกหักอัตโนมัติจากบัญชีของประชาชนผู้เสียภาษีในเยอรมนี เช่นเดียวกับภาษีเงินได้และเงินสมทบประกันสังคม ทำให้ศาสนจักรทั้ง 2 นิกายในเยอรมนีได้เงินสนับสนุนจากประชาชนหลายพันล้านยูโรในแต่ละปี
รายงานจากมหาวิทยาลัยฟลายเบิร์กของเยอรมนีระบุว่า ภายในปี 2035 สมาชิกของโบสถ์ทั้งนิกายคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ในเยอรมนีจะลดลงอีก 22 เปอร์เซ็นต์ และภายในปี 2060 จะลดลงอีก 49 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังประเมินอีกว่าจะยังมีประชาชนชาวเยอรมันที่เป็นสมาชิกของศาสนจักรเหลือเพียง 23 ล้านคนเท่านั้น จาก 45 ล้านคนในปัจจุบัน
ในรายงานยังระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้สมาชิกศาสนจักรลดลงเป็นจำนวนมากนั้น ได้แก่ 1.อัตราการตายของสมาชิกโบสถ์แต่ละนิกายสูงกว่าจำนวนเด็กที่เกิดใหม่ที่ผู้ปกครองพามาสมัครเป็นสมาชิกของศาสนจักร และ 2.คนรุ่นใหม่ที่มีอายุ ช่วง 20 -30 ปี ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกศาสนจักรเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวยังระบุว่า ในช่วง 2- 3 ปีที่ผ่านมา คริสตจักรได้เผชิญกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก รวมไปถึงปัญหาคอร์รัปชันทางการเงินอย่างต่อเนื่องศาสนจักรต้องปรับทัศนคติและเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อศาสนากลับคืนมา โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อหยุดยั้งการลาออกจากการเป็นสมาชิกศาสนจักรในเยอรมนีในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: