วันที่ 21 ก.พ. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า จะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันพุธที่ 23 ก.พ.นี้ ซึ่งผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในวันนี้ 18,883 ราย ซึ่งเป็นการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ด้านการตรวจด้วย ATK พบผลบวกทางกระทรวงสาธารณสุขรายงาน 15,010 ราย ซึ่งมีจำนวนกว่า 80% ที่ตรวจ ATK ผลบวกไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจ PCR ซ้ำ จึงได้แยกตัวเลขและเข้าสู่กระบวนการรักษาโดยการแยกกักที่บ้าน หรือ Home Isolation แต่ต้องเน้นย้ำว่าทางกระทรวงสาธารณสุขและศบค.ไม่ได้มีการปิดบังตัวเลขจริง หลายครั้งที่หลายเพจตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลข กทม. ชลบุรี และน่านไม่เท่ากัน ต้องเน้นย้ำว่า การรายงานสาธารณสุขใช้เวลาเคลียร์ข้อมูลจากทุกๆสถานการณ์พยาบาลในระบบ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง การรายงานของศบค.จะยึดเอาตัวเลขของสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรคที่ตัดตัวเลขในช่วงเที่ยงคืน ย้ำว่าไม่ปิดบังตัวเลขจริงๆ ซึ่งหลายครั้งที่ประชาชนสงสัยก็พยายามจะทำการชี้แจง

ส่วนกลุ่มที่รายงานผู้ติดเชื้อโควิดตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.65 พบว่า กลุ่มอายุน้อยกว่า 18 ปี อายุ 18-59 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ทุกกลุ่มมีแนวโน้มที่การติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กย้ำ คือ ระบบการดูแลของกระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้มีการแยกดูแลที่บ้าน รวมทั้ง Community Isolation หรือศูนย์แยกกักในชุมชน ซึ่งมีการพัฒนาเข้าใจโรคมากขึ้น ระบบสาธารณสุขรองรับยังมีเพียงพอ และมีประสิทธิภาพ จึงเทียบกับปีที่แล้วไม่ได้ รวมทั้งประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมากขึ้นอาจจะเป็นปัจจัยนำเข้ารวมกันทำให้เกิดการพิจารณาในศบค.ชุดใหญ่พุธนี้ 

โดย พญ.อภิสมัย ระบุว่า ตลาดในชุมชนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บางแห่งมีการติดเชื้อซ้ำ ทางผอ.ศปก.ศบค.ได้เน้นย้ำไปยังฝ่ายปกครองทุกจังหวัด ขอให้กำกับติดตามโดยเฉพาะคลัสเตอร์ตลาดที่มีการติดเชื้อซ้ำซากขอให้ทางกำนันผู้ใหญ่บ้านลงกำกับ ซึ่งคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เดิมๆบางแห่ง บางจังหวัด เกิดการติดเชื้อซ้ำต้องปิดแล้วปิดอีก รวมถึงยังพบเสมอกิจกรรมหลังพิธีกรรมที่มีการเล่นพนัน วงเหล้า วงไพ่ จับพนันชนไก่ จึงต้องเน้นย้ำให้ฝ่ายปกครองในทุกระดับ ทั้งผู้ใหญ่บ้านช่วยสาธารณสุขในพื้นที่ให้กำกับติดตามมาตรการอย่างเข้มงวด 

นอกจากนี้คลัสเตอร์ที่ศบค.เป็นห่วง อย่างมาก คือ กลุ่ม Health Care Worker ซึ่งมีการรายงานที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลประสาทที่สุรินทร์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ที่ขอนแก่นซึ่งมีการติดเชื้อก่อนหน้านี้หลายครั้ง โรงพยาบาลเบตงที่ยะลา ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือเมื่อบุคลากรติดเชื้อจะทำให้ต้องกักตัว ขาดแคลนบุคลากรที่จะดูแลประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ศบค.เป็นห่วง ในช่วงนี้หากงดเว้นกิจกรรมสังสรรค์รวมกลุ่มได้ขอความร่วมมือให้ชะลอไว้ก่อนเพราะตัวเลขขณะกำลังสูงขึ้นเอาเท่าที่จำเป็น ที่เป็นกิจกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อปากท้องประชาชน เพื่อความเป็นอยู่ และหากจำเป็นต้องให้ผู้จัดงานเข้มงวดมาตรการ

สิ่งสำคัญที่เราต้องการคือให้ระบบดูแลรักษายังคงมีเพียงพอ โดยกรมการแพทย์ได้รายงานเรื่องเตียงทั่วประเทศรายงานในวันที่ 20 ก.พ.เวลา 17.00 น. พบว่า อัตราครองเตียงระดับสองทั่วประเทศตอนนี้ยังอยู่ที่ 19% ส่วนสถานพยาบาลประเทศในระดับสามยังมีอัตราครองเตียงอยู่ที่ 16.5% ยังมีเตียงเพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้ทุกจังหวัดเตรียมโรงพยาบาลสนามรองรับในกรณีที่มีความจำเป็น

ซึ่งในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กมีหลายหน่วยงานนำข้อมูลเข้ามาซึ่งไม่มีการพูดความเป็นไปได้ในการล็อกดาวน์ จึงต้องเน้นย้ำว่า ศบค.ชุดใหญ่จะมีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมกันและการพิจารณาไม่ได้ประเมินเฉพาะยอดผู้เสียชีวิต หรือผู้ป่วยหนักและยอดผู้ติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังคงต้องพิจารณาอย่างรอบด้านในด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย

’ประยุทธ์’ ย้ำเตียงต้องพอรองรับผู้ป่วย

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังกล่าวถึง การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ยอมรับว่ามีความกังวล ในช่วงที่มีการระบาดในขณะนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุขประเมินไว้ ว่าตัวเลขจะสูงขึ้น ไปอีกระยะหนึ่ง จึงย้ำถึงเรื่องสถานพยาบาล ที่ต้องมีให้เพียงพอไม่ใช่เฉพาะโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังหมายถึง Community Isolation หรือศูนย์แยกกักในชุมชน ที่ต้องมีให้เพียงพอ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงาน ทางพรรคร่วมรัฐบาล ภาครัฐเอกชนและประชาสังคม เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ในขณะนี้ ทั้งโลกมีปัญหาเหมือนกันแต่มีความแตกต่างกันไปตามศักยภาพของแต่ละประเทศ