ไม่พบผลการค้นหา
‘พรรคเพื่อไทย’ ประกาศแคมเปญเลือกตั้งใหญที่สุด ใหญ่กว่าทุกครั้ง ภายใต้ชื่อธีม 1 ทีม เพื่อไทยทุกคน One Team for all Thais ที่ธันเดอร์โดมสเตเดียม เมืองทองธานี ในวันที่ 5 เม.ย. 2566

ภายหลัง วัน ว. เวลา น. การเลือกตั้งถูกกำหนดชัดเจนว่าเป็นวันที่ 14 พ.ค. 2566  

ในวันนั้น มีไฮไลท์สำคัญคือ พรรคเพื่อไทย จะประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคทั้ง 3 คน บนเวที 

นอกจากโหวตเตอร์ได้เห็นหน้าค่าตา ของ “ว่าที่นายกฯ” จากพรรคเพื่อไทย ยังเตรียมประกาศนโยบายที่เหลือ พร้อมรายละเอียดนโยบายเพิ่มเติมบางนโยบาย หลังจาก “อุบรายละเอียดเอาไว้” เกริ่นนำแค่หัวข้อกันคนอื่นลอก โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาปากท้อง ที่เป็นจุดแข็ง จุดขายของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย  

ตัวอย่างเช่น จะเปิดตัวเลขของเงินใน “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet) ที่จะให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้จับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันใกล้บ้าน ที่จะใช้จ่ายได้เฉพาะกับร้านค้าชุมชน และต้องอยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร อันเป็นนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ​

ที่มาควบคู่กับนโยบาย ที่จะออกสำรวจครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 2 หมื่นบาท จะมีการเติมเงินเข้าไปช่วยเหลือทันที เพื่อทำให้การบริโภค และการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ยกระดับจีดีพีทั้งประเทศ 

ตามคอนเซปต์ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส พรรคเพื่อไทยจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP เติบโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5% ภายใต้แนวคิด “รดน้ำที่ราก” เพื่อให้ต้นไม้งอกงามทั้งต้น 

เศรษฐา -48AE-B60F-FED9A3BEA827.jpegเศรษฐา เพื่อไทย แพทองธาร เศรษฐา -7FE7-484F-B665-1ACC3C7A3B71.jpeg

สำหรับนโยบายเศรษฐกิจ ที่เคยประกาศมาแล้วจะถูกนำมาย้ำภาพจำ ประกอบด้วย 

นโยบายเพิ่มรายได้ภาคแรงงานและการจ้างงาน ด้วยการ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวันภายในปี 2570 โดยพิจารณาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลิตภาพแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อ การการันตีเงินเดือนคนจบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน รวมถึงข้าราชการ

การสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ 2 แสนบาทต่อปี ด้วยการส่งเสริมผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ สร้างศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ในทุกระดับและทุกครอบครัว เพิ่มทักษะและสร้างงานหลากหลายอาชีพในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น เชฟทำอาหาร นักออกแบบ นักร้อง นักแต่งเพลง นักกีฬ่ E-sport นักออกแบบมัลติมีเดีย ผู้ผลิตภาพยนตร์ สนับสนุนอุตสาหกรรมการถ่ายยนตร์ในประเทศ

นโยบายสร้างประเทศด้วยนวัตกรรมและดิจิทัล ผ่านเขตธุรกิจใหม่ New Business Zone ใน 4 แห่งพื้นที่นำร่อง ประกอบด้วย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ รวมถึง ดึงดูดเงินจากต่างประเทศให้เข้ามาฝากในเมืองไทย เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย 

สร้างบล็อกเชนประเทศไทย และฟินเทคฮับเซ็นเตอร์ของอาเซียนให้ กทม.เป็นมหานครทางเศรษฐกิจ และนวัตกรรมของเอเชีย และพาสปอร์ตไทยจะต้องมีอิทธิพลพาคนไทยเดินทางไปได้ทั่วโลก ยกระดับสนามบินนานาชาติให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยว 120 ล้านคน และปริมาณการขนส่งสินค้าจะนวน 3 ล้านตันภายในปี 2570 

อีกด้านหนึ่งจะขยายประตูรองรับรายได้จากการท่องเที่ยว ตั้งเป้า 3 ล้านล้านบาทในปี 2570 เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปทุกพื้นที่ตั้งแต่เกษตรกรจนถึงคนที่ทำงานในโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และภาคขนส่ง

วางตัวให้เป็น Festive Hub of Asia สร้างเทศกาลไทยให้ไปถึงระดับโลก เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง จัดงาน World Pride ให้ได้ภายในปี 2028 และส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านการแพทย์และสุขภาพ ให้ไทยเป็น Wellness Destination ของเอเชีย 

แพทองธาร สมุทรปราการ คิดใหญ่ เพื่อไทย IMG_7574.jpeg

หนึ่งในนโยบายที่เกี่ยวข้องกับรายได้ปากท้องอีกอย่างหนึ่งคือ นโยบายเพื่อเกษตรกรไทย พรรคเพื่อไทย ประกาศสร้างรายได้ 3 เท่าภายในปี 2570 

 1.ผลักดันสินค้าเกษตรขึ้นยกแผง รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่า สร้างระบบให้สินค้าเกษตรราคาดี เพิ่มความต้องการทั้งใน และนอกประเทศ ปรับเปลี่ยนผลผลิต ทั้งปริมาณ คุณภาพ สอดคล้องความต้องการของตลาด จากรายได้เฉลี่ย 10,000 บาท /ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี 

2.พักหนี้เกษตรกร 3 ปี ทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาทุกข์เกษตรกรไทย เพื่อลดภาระการชำระหนี้จากความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลที่ผ่านมา

3.โคขุนเงินล้าน ผลิตปศุสัตว์เพื่อการส่งออก สร้างโอกาสรายได้ใหม่ และเพื่อไทยหาตลาดไว้แล้วทั้งจีน ตะวันออกกลาง เพราะความต้องการของตลาดมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นทุกปี รวมทั้งปศุสัตว์อื่น ได้แก่ แพะ แกะ ไก่งวง และประมงน้ำจืด

4.ทุเรียนล้านไร่ รวมถึง ลำไย มังคุด ส้มโอ มะม่วง มะพร้าว เพิ่มโอกาสผลิตพืชผลราคาสูง ด้วยเกษตรประณีต แม่นยำ ภายใต้คอนเซปต์Thai Taste – Thai Food – Thai Fruit

5.พืชอาหารสัตว์ทดแทนการนำเข้า ปรับอุปสงค์ อุปทานการเกษตร ยกระดับราคาพืบผล ใช้ตลาดกำหนดปริมาณ ประเภทการผลิต พร้อมทั้งนำนวัตกรรมมาสนับสนุน การเพิ่มผลิตภาพ การลดต้นทุน แปรรูปมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้น ตามแนวทาง ดินดีน้ำดี มีสายพันธุ์ ยืนยันราคา จัดหาแหล่งเงินทุน หนุนนำนวัตกรรม จัดทำกรรมสิทธิ์ที่ดิน

6.สนับสนุนการทำประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก การขออนุญาตต้องง่ายขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นการทำประมงพื้นบ้านทุกมิติ 

7.เจรจากฎหมายประมง IUU พิทักษ์ผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ประชาชน ประมงไทยกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง

8.เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส เพิ่มความสามารถการแข่งขันภาคเกษตรทั้งระบบ เปลี่ยนจากเกษตรดั้งเดิมเป็นเกษตรก้าวหน้าด้วยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่แม่นยำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต

เตรียมรับชมนโยบายพรรคเพื่อไทยแบบเต็มๆ ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ภายใต้บรรยากาศกระแสแลนด์สไลด์