ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ แจงผู้ประกอบการไม่ใช่นิติบุคคลลงทะเบียนเว็บไซต์เราชนะอาจยุ่งยาก ต้องพัฒนาตัวเอง ชี้อนาคตโลกเปลี่ยนเป็นสังคมไร้เงินสด ตั้งเป้าให้ครอบครัวสัมพันธ์ให้ลูกหลาน สอนพ่อแม่-ปู่ย่า แจงเยียวยา ม.33 เร่งเข้า ครม.

วันที่ 5 ก.พ. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม ออกรายการผ่านแอปพลิเคชัน พอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า ว่า เรื่องสำคัญที่เรากำลังรับมืออยู่ในขณะนี้คือการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งตนและรัฐบาลได้ทำหลายเรื่องไปพร้อมกัน ไม่ใช่มุ่งเน้นแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะทุกอย่างเกี่ยวโยงกันทั้งหมดทั้งป้องกัน รักษา ดูแลและเยียวยา ซึ่งในเรื่องการเยียวยาประชาชนสัปดาห์นี้ ตนให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรการเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการเราชนะที่จะดูแลผู้ประกอบอาชีพอิสระ หาบเร่แผงลอย เกษตรกร แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประมาณ 30 ล้านคน ซึ่งตนและรัฐบาลเข้าใจดีถึงความเดือดร้อนและทุกข์ใจไม่น้อยไปกว่าทุกคน จึงต้องมาคิดว่าทำอย่างไรในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน อย่างน้อยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ สามารถดูแลตัวเองได้ในเรื่องที่จำเป็น ทั้งในเครื่องอุปโภคและบริโภค

"ผมได้ติดตามรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตลอดเวลา เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ครม. ก็ได้ปรับปรุงเงื่อนไขโครงการเราชนะ พร้อมขยายขอบเขต ทั้งผู้ประกอบการร้านค้าและบริการที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุม ทั้งร้านธงฟ้าและร้านค้าคนละครึ่ง รวมทั้งผู้ประกอบการของกองทุนหมู่บ้าน ผู้ประกอบการของวิสาหกิจชุมชนที่มีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่งหรือผู้ให้บริการประเภทรถ ซึ่งต้องสามารถตรวจสอบได้ เช่น สามล้อถีบ เป็นต้น โดยขอให้ติดตามจากข่าวสารเพื่อให้ปฏิบัติได้ถูกต้อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะที่ไม่ใช่นิติบุคคล ทั้งคนขับแท็กซี่ รถตู้โดยสาร รถสามล้อ รถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์ และกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะมวลชนทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ รถเมล์และเรือโดยสารด้วย โดยเราได้เปิดให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ตั้งแต่ 29 ม.ค.-31 มี.ค. 2564 ซึ่งอาจจะยุ่งยากอยู่บ้างในการลงทะเบียนหรือการใช้โทรศัพท์ แต่ทุกคนต้องพัฒนาตัวเองไปด้วย เพราะวันหน้าโลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วในเรื่องสังคมที่ไม่ใช้เงินสด ดังนั้นจะบอกว่าเราไม่เรียนรู้ก็ไม่ได้ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หนึ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าถึงและอยากให้ทุกคนมีโอกาสเพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายที่ใช้ไม่เป็นก็ให้ลูกหลานมาสอนและแนะนำให้ความใกล้ชิดก็จะเกิดขึ้นตรงนี้ เป็นผลที่เกิดโดยอ้อมคือสังคมอบอุ่นเรียนรู้ไปด้วยกันในเรื่องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ประกันตนในมาตรา 33 นายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้เห็นชอบในหลักการให้ช่วยเหลือผู้ประกันตนให้ครบทุกคน แล้วจะนำเข้าเสนอ ครม.พิจารณาโดยเร็ว โดยเบื้องต้นเราใช้โครงการเรารักกัน สะท้อนให้เห็นถึงความรักความเป็นหนึ่งเดียวความสามัคคีเผื่อแผ่แบ่งปัน เพื่อก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน เหมือนกับเราไม่ทิ้งกันและเราชนะที่ผ่านมา โดยได้เห็นชอบในหลักการไปแล้วและใช้เงินของรัฐบาลงบเงินกู้ ในส่วนอื่นๆก็ได้ใช้งบกองทุนประกันสังคมไปแล้วตามกฎหมาย

สั่ง มท.สอบข้อเท็จจริงเรียกคืนเบี้ยชรา วอนไม่ต้องห่วงขึ้นศาล

พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงปัญหาการเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่า เรามีนโยบายอยู่แล้วโดยย้ำว่าให้ดูแลผู้สูงอายุให้ดีที่สุด รวมถึงกลุ่มเปราะบางต่างๆ เพราะเข้าใจว่าสมัยที่ยังแข็งแรงก็ได้สร้างประโยชน์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามอาชีพที่ถนัด เมื่อชราภาพลงเราก็ต้องดูแลไม่ให้เป็นภาระต่อครอบครัว รัฐบาลช่วยอะไรได้ก็จะช่วยให้ดีที่สุด ส่วนในปัญหาการเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้นตนได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจน พร้อมชะลอการเรียกคืนหรือการฟ้องร้องเอาไว้ก่อน อีกทั้งตอนนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบและแก้ไขความคลาดเคลื่อนของข้อมูลต่างๆอยู่ รวมทั้งกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กำลังหารือหาทางออกกันอยู่ ดังนั้นขออย่าเพิ่งตื่นตอนไหนตอนนี้

"ขอให้คุณตาคุณยายคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมเข้าใจกันดี ท่านก็คงไม่ตั้งใจหรือเจตนาจะทำอะไรผิด ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามระเบียบ เรื่องนี้ต้องมีทางออกอยู่แล้วโดยไม่มีใครต้องเดือดร้อน แต่ขอให้รอสักหน่อยและไม่ต้องกังวลว่าจะไปหาเงินมาใช้เงินหลวงหรือต้องขึ้นศาล ผมจะดำเนินการให้ทุกอย่างเรียบร้อยโดยเร็ว"นายกฯ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง