รัฐบาลสเปนประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เมื่อวันเสาร์ (14 มี.ค.) ที่ผ่านมา สั่งปิดร้านอาหารรวมถึงสถานที่อื่นๆ ทั่งประเทศ เหลือให้เปิดเพียงแต่ร้านขายของชำและร้านขายยา เป็นระยะเวลาทั้งหมด 15 วัน และจะเริ่มบังคับใช้ในวันจันทร์ (16 มี.ค.) ที่จะถึงนี้ นับเป็นประเทศที่ 2 ในยุโรปตามจากอิตาลีที่ตัดสินใจปิดประเทศ
'เปโดร ซานเชซ' นายกรัฐมนตรีของสเปน กล่าวว่า "ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเราได้เข้าสู่การระบาดเฟสใหม่แล้ว เราไม่ลังเลที่จะทำสิ่งใดก็ตามเพื่อสู้กับไวรัส เราให้สุขภาพของประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง"
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน องค์กรด้านสาธารณสุขของสเปนยังออกมาแถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 2,000 ราย ภายในระยะเวลา 1 วัน เท่านั้นด้วย
สำหรับมาตรการดังกล่าว จะยังอนุญาตให้ประชาชนสามารถออกจากบ้านเพื่อไปหาซื้ออาหารและยากรักษาโรคได้ รวมถึงสามารถไปทำงาน หรือไปสถานพยาบาลและธนาคาร หรือการเดินทางไปหาผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กเพื่อการดูแลได้เช่นเดียวกัน
ผู้แทนจากสาธารณสุขของสเปนกล่าว ณ วันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นไปสูงเกิน 5,700 คนแล้ว โดยกว่าครึ่งอาศัยอยู่ในเมืองมาดริด พร้อมชี้ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งไปแตะ 10,000 ภายในไม่กี่วัน
แม้จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการครั้งนี้ แต่ 'ราเชล ปาปาราโด' หนึ่งในผู้ประกอบการร้านค้าที่เมือง บาร์เซโลนา ชี้ว่า "ก็ไม่เป็นไร สิ่งนี้จะทำให้คนติดเชื้อน้อยลง และเราจะฟื้นตัวได้หลังจากนี้"
การประกาศสภาวะฉุกเฉินแบบนี้ในสเปนนับเป็นครั้งที่ 2 ภายหลังจากประเทศกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยช่วงปายทศวรรษ 70 โดยก่อนหน้านี้ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคือในปี 2553 ที่มีการประท้วงปิดถนน