เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งนี้ได้ส่งบันทึกข้อความถึงพนักงานในรัฐวอชิงตัน แนะนำให้ทำงานจากที่บ้าน แต่ล่าสุด บริษัทได้ขยายคำขอนี้ไปยังพนักงานทั้งหมดเกือบ 100,000 คน ทั่วสำนักงาน 11 แห่ง ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาแล้ว โดยแอลฟาเบตถือเป็นบริษัทล่าสุดที่ประกาศให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯพุ่งขึ้นทะลุ 1,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทก็ระบุว่า สำนักงานในอเมริกาเหนือจะยังคงเปิดสำหรับพนักงานที่จำเป็นต้องเข้ามาทำงานในออฟฟิศ
นอกจากกูเกิล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่างแอปเปิล แอมะซอน ไมโครซอฟต์และเฟซบุ๊ก ที่ได้แนะนำพนักงานในเมืองซีแอตเทิลทำงานจากที่บ้าน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสในรัฐวอชิงตัน ซึ่งจนถึงตอนนี้มีการยืนยันพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่รัฐแล้วอย่างน้อย 267 ราย
ขณะที่ 'ทวิตเตอร์' ก็มีคำสั่งให้พนักงานในฮ่องกง ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ทำงานจากที่บ้าน และยังสนับสนุนให้พนักงานทั่วโลกไม่ต้องเข้าออฟฟิศเช่นกัน
ผลสำรวจพนักงานที่ทำงานเต็มเวลา 2,613 ราย ในอเมริกา โดย Workhuman ที่เพิ่งถูกเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ชี้ว่า ในสหรัฐฯมีประชาชนเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นนี้ทำงานทางไกล อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจทั่วโลกเมื่อปี 2561 โดยบริษัทด้านข้อมูลอย่าง Kantar พบว่าร้อยละ 32 ของกลุ่มตัวอย่าง 33,000 ราย ให้ความสำคัญกับงานที่พวกเขาสามารถทำจากบ้านได้
ส่วนเว็บไซต์ข่าว CNBC รายงานความเห็นของโจ เฮิร์ช ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นผู้นำและการสื่อสารซึ่งเชื่อว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้การทำงานจากบ้านกลายเป็นเรื่องปกติมากยิ่งขึ้น ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่น ถูกมองว่ามีความสำคัญต่อธุรกิจต่างๆ ที่จะต้องดำเนินไปตามปกติภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันนี้