ไม่พบผลการค้นหา
แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านต่างๆ และเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มแนวคิดเรื่อง 'สังคมไร้เงินสด' แต่ญี่ปุ่นกลับตกขบวนการเป็นผู้นำในด้านนี้ โดยมีสาเหตุจาก 2 ประเด็นที่น่าสนใจ

เดอะเจแปนไทม์สและเอเอฟพี รายงานว่า ประเทศญี่ปุ่นยังไม่สามารถเป็น 'สังคมไร้เงินสด' ได้ในขณะนี้ เพราะคนส่วนใหญ่ยังนิยมใช้เงินสด มีสาเหตุหลักประการแรกก็คือ ญี่ปุ่นเป็นประเทศ 'สังคมสูงวัย' ประชากรมากกว่า 28 เปอร์เซ็นต์ อายุเกิน 65 ปีแล้ว คนกลุ่มนี้ยังพอใจและคุ้นเคยกับการใช้เงินสดในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าต่างๆ มากกว่าการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัล

ผู้ประกอบการร้านค้าหลายรายในกรุงโตเกียว ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่าร้านของเขาและเธอให้บริการธุรกรรมดิจิทัล แต่พวกเขากลับพบว่ามีเพียง 2 หรือ 3 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้นที่จะเจอลูกค้าที่ใช้จ่ายด้วยระบบอีเพย์เมนต์ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากสำหรับการจะเติบโตเป็นสังคมไร้เงินสด

สาเหตุสำคัญประการที่ 2 คือ อัตราการเกิดอาชญากรรมในญี่ปุ่นนั้นถือว่า 'ต่ำมาก' เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก คนจำนวนมากจึงรู้สึกปลอดภัยที่จะพกเงินสดติดตัว แม้ว่าจะเป็นเงินสดจำนวนมากก็ตาม เพราะไม่บ่อยนักที่จะเกิดคดีลักทรัพย์หรือคดีปลอมแปลงธนบัตรเกิดขึ้นในสังคมที่ตัวเองอาศัยอยู่

ปัจจุบัน ผู้ให้บริการธุรกรรมดิจิทัลรายใหญ่ในญี่ปุ่น คือ ซอฟต์แบงก์ ร่วมมือกับบริษัทยาฮู เปิดให้บริการ 'เพย์เพย์' PayPay ซึ่งเป็นระบบสแกนบาร์โค้ดเพื่อจ่ายเงินโดยไม่ต้องกดเงินสดออกจากบัญชี ก็ยังยอมรับว่าการขยายตัวของกลุ่มผู้ใช้บริการด้านนี้ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์เอาไว้ 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จำนวนมากคิดว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ญี่ปุ่นในปีหน้า อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีผู้ใช้บริการอีเพย์เมนต์กันมากขึ้น เพราะจะมีนักกีฬาและนักท่องเที่ยวจากอีกหลายประเทศทั่วโลกเข้ามาในประเทศช่วงนั้น และหลายคนคงไม่อยากพกเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก 

ส่วนประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำด้านการเป็นสังคมไร้เงินสดขณะนี้คือ 'เกาหลีใต้' เพราะกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการจับจ่ายใช้สอยสินค้าในประเทศ เป็นการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัล และ 'สวีเดน' ประกาศจะเป็นสังคมไร้เงินสดภายในปี 2023

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: