คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า แม้จะมีการปลดล็อกเพียงระดับหนึ่ง เพื่อให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมพบปะกับประชาชนได้ พรรคเพื่อไทยจะทำตามที่กรอบกฎหมายกำหนด ไม่ทำตัวเป็นปัญหา
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงพรรคเพื่อไทย ระบุว่ามีความเหมาะสมกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้น คงต้องมีการหารือในที่ประชุมสมาชิกพรรคในช่วงเวลาที่เหมาะสมตามกำหนดก่อน
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังตอบโต้นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือ โหร คมช. ที่ทำนายว่ายังไม่มีดวงได้เป็นนายกฯว่า ในการพื้นที่พบผู้ประกอบการถนนข้าวสารวันนี้ เป็นการทำหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ซึ่งพรรคการเมืองมีหน้าที่ในการนำเสนอนโยบาย เปรียบเหมือนรถบรรทุกที่บรรทุกแนวนโยบาย วิธีการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยทำหน้าที่เป็นคนขับ นำนโยบายของพรรคการเมืองในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ไปสู่ประชาชนได้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ได้หวังที่จะเป็นใหญ่เป็นโต ได้เป็นนายกฯ หรือไม่ไม่ใช่ปัญหา แต่ขอให้โหรวารินทร์กลับไปดูแลลูกศิษย์ให้ดี
ขณะเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ย่านถนนข้าวสาร โดยพูดคุยและรับฟังปัญหากับผู้ประกอบการในย่านดังกล่าวด้วย โดยก่อนการเดินทางมาถนนข้าวสาร คุณหญิงสุดารัตน์นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปยังร้านผัดไทยทิพย์สมัย ประตูผี เพื่อประชุมกับทีมงาน พร้อมพบปะพ่อค้าแม่ค้าบริเวณดังกล่าว
จากนั้นได้ขึ้นรถตุ๊กตุ๊กมายังถนนข้าวสาร โดยได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มาขอจับมือ และถ่ายรูปด้วยอย่างเป็นกันเอง โดยคุณหญิงสุดารัตน์ได้ทักทายและสอบถามพ่อค้าแม่ค้าถึงการค้าขายในพื้นที่ โดยช่วงหนึ่งของการเดินไปพบกับพนักงานร้านนวดแห่งหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ได้กล่าวกับพนักงานชายรายหนึ่งที่ตะโกนพรรคเพื่อไทยสู้ๆว่า แม้จะไม่มีโลโก้พรรคเพื่อไทยในบัตรเลือกตั้ง แต่ยังเลือกพรรคเพื่อไทยเพราะยังอยู่ในหัวใจ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ถนนข้าวสารวันนี้ เกิดจากการที่ได้นัดหมายกับผู้ประกอบการถนนข้าวสาร เพื่อมาดูเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยที่จะดำเนินการยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ โดยการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในหลายๆด้านที่จะทำจากนี้ไป โดยเฉพาะการพบปะกับพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ
โดยการท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องยนต์หลักของประเทศในขณะนี้ หลังเครื่องยนต์ตัวอื่นดับหมดแล้ว โดยการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้กว่า 1.8 แสนล้านล้านบาทต่อปี ท่ามกลางจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงกว่าเป้าหมายถึง 4 ล้านคน ส่งผลทำให้รายได้หายไปกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งต้องเข้ามาดูแลปัญหานี้อย่างจริงจัง
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวใน 3 เรื่อง คือ 1.นำรายได้ 5% หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากรายได้การท่องเที่ยวทั้งหมด 1.8 แสนล้านล้านบาท มาจัดทำระบบความปลอดภัย การกู้ภัย รวมไปถึงระบบฉุกเฉิน
2.คือการสานต่องานที่เคยทำไว้ ด้วยการยกเลิกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะพิจารณาให้กับประเทศอื่นด้วย โดยเฉพาะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ส่วนเรื่องที่ 3 คือการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตร โดยเฉพาะการให้ความเป็นธรรมเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย และราคาสินค้าต่างๆ
คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่า ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของพรรคเพื่อไทยจะไม่มีเมืองหลัก เมืองรอง จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวในทุกตำบล เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวใหม่สร้างรายได้ ซึ่งมีแนวคิดที่จะแก้ไข พรบ.โรงแรมและที่พักเพื่อรองรับกับการท่องเที่ยวยุคนี้ ซึ่งหัวใจการท่องเที่ยวของพรรคเพื่อไทย คือ การเชื่อมโยง อย่างที่ถนนข้าวสารที่เป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน และวัฒนธรรมเดียวกัน โดยมีการเชื่อมโยงระหว่างชุมชนกับการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้