เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ก.ค. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลง โดย นพ.ชลน่าน แถลงว่า เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลนั้น พรรคเพื่อไทยขอขอบคุณพรรคก้าวไกลส่งมอบภารกิจตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นวิถีทางการเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุุขภายใต้ร่วมงานของ 8 พรรคการเมือง โดยพรรคเพื่อไทยจะหารือกับ 8 พรรคการเมืองเดิมเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกำหนดแนวทางจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าภายใต้ข้อตกลง 8พรรคการเมืองเดิม พรรคการเมือง 8 พรรคสามารถรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาไม่เห็นชอบบุคคลมาเป็นนายกฯ เนื่องจากมีเงื่อนไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ 375 เสียง โดยเบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะหาเสียง ส.ส. ส.ว.และพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด หากผลเป็นประการใดจะแจ้งให้พรรคการเมืองและสาธารณชนทราบโดยเร็ว
นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราจะพูดคุยกับพรรคการเมืองกับรัฐบาลเดิมที่รักษาการอยู่หรือไม่ โดยพรรคจะปรึกษาหารือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลวันเดียวกันนี้ ในเวลา 15.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย
ถามว่า มาตรา 112 เป็นเงื่อนไขไม่สามารถทำให้ได้เสียงตั้งรัฐบาลได้ ภูมิธรรม ระบุว่า เราจะหารือกับ 8 พรรค อย่างน้อยที่สุดให้ได้เห็นปัญหาตรงกันที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาได้คืออะไร มีประเด็น 112 เป็นส่วนหนึ่งด้วยและจะถาม 8 พรรคด้วยว่าจะมีประเด็นใดอีก สิ่งสำคัญต้องมองให้เห็นปัญหา โดยพรคเพื่อไทยยืนยันจะออกจากปัญหาสภาพเดิมที่เงื่อนไขการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพราะเรารอมาจากวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 มา 2 เดือนแล้ว จึงจำเป็นต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ และต้องฝ่าเงื่อนไขนั้นโดยเร็วที่สุด การจัดตั้งรัฐบาลเป็นช่องทางทำให้เราแก้ไขปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญให้เสร็จ
"ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาล จะออกมติ ครม.วันแรกจะออกมาเพื่อจัดทำประชามติเพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แก้ไขรัฐธรรมนูญทันที เราเสนอแคนดิเดตนายกฯ แล้วต้องได้นายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ เป็นเป้าหมายที่จะทำให้ได้ เราจะทำทุกเรื่องทุกขั้นตอนทำยังไงก็ได้ให้ให้รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยร่วมจัดตั้งรัฐบาล" นายภูมิธรรม ระบุ
เมื่อถามว่า ถ้าเสียงไม่พอจะทำความเข้าใจกับพรรคก้าวไกลอย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า เดี๋ยวคงได้คุยกันกับ 8 พรรคว่าจะทำอย่างไร ถ้ายืนที่เสียง 312 เสียงก็ไม่ขัดข้อง และวันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และต้องทำให้นายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ให้ได้
ภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้โจทย์เปลี่ยนต้องคุยใหม่ เรายืนยันจะเริ่มต้นคุยอย่างเป็นทางการทางการในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยยืนยันจะทำให้้ผ่าน ไม่มีคำว่าถ้า และจะต้องทำให้ผ่านสุุดความสามารถเชื่อว่า วันที่ 27 ก.ค.นี้จะได้นายกรัฐมนตรี ยืนยันแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนของพรรคเพื่อไทยมีความสามารถเท่ากันหมด
นพ.ชลน่าน ระบุว่า ส่วนเอ็มโอยูของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้นเป็นความเข้าใจใน 8 พรรค โดยจะปรึกษาหารือกันด้วย และเป้าหมายต้องทำให้ได้ 375 เสียงให้ได้ ถ้าเงื่อนไขใดไม่สอดรับเอ็มโอยูก็ต้องมาพิจารณา
ถามว่า ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ไม่มีท่าทีลดลงในเรื่องมาตรา 112 โดยภูมิธรรม กล่าวว่า เราจะคุยตรงไปตรงมาขณะนี้อะไรเป็นปัญหา ถ้าเป็นมาตรา 112 จะถามกับพรรคก้าวไกลต่อไปเพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการหารือวันเดียวกันนี้
เมื่อถามว่า นักวิชาการประเมินว่าหากยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการจัดตั้งรัฐบาลจะทำให้พรรคขั้วรัฐบาลเดิมไม่ลงมติให้ พรรคเพื่อไทยอาจเสนอชื่อชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการลงมติวันที่ 27 ก.ค.นี้ก่อน โดย ภูมิธรรม ระบุ อย่าเพิ่งไปใช้มโน การคิดที่ไม่เป็นพื้นฐานความเป็นจริง ขอให้ความเป็นจริงเกิดขึ้นก่อน
ขณะที่ ประเสริฐ ระบุว่าในเวลา 15.00 น. วันเดียวกันนี้ (21 ก.ค.) พรรคเพื่อไทยนัดหมาย 8 พรรคมาหารือภายหลังหารือโดยใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่งก่อนมาแถลงข่าวอีกครั้ง ส่วนการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคให้ตัดสินใจ เมื่อหัวหน้าพรรคตัดสินใจแล้วจะนำผลเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา 17.00 เพื่อขอมติเพื่อเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ในครั้งสุดท้าย