ก่อนหน้านี้ เพโลซีได้เลือกเดินทางเยือนไต้หวันเป็นเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง โดยไม่มีการประกาศก่อนล่วงหน้า ถึงแม้จะมีข่าวลือหนาหูตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก่อนแล้วว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะทำการเดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของตน ในขณะที่ไต้หวันเองกลับมีอำนาจในการปกครองตนเองอย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี การเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซีส่งผลให้ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับจีนย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม
ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา จีนพยายามโดดเดี่ยวไต้หวันออกจากเวทีโลก อย่างไรก็ดี จีนยังคงเดินหน้าการโดดเดี่ยวไต้หวันอย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่เพโลซีเดินทางเยือนเกาะ ทั้งนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ออกมาให้คำสัญญาว่า จีนจะไม่สามารถโดดเดี่ยวไต้หวันได้สำเร็จ
“พวกเขาอาจพยายามไม่ให้ไต้หวันเดินทางเยือน หรือมีส่วนร่วมในที่สถานที่อื่นๆ แต่พวกเขาจะไม่สามารถโดดเดี่ยวไต้หวันได้” เพโลซีกล่าว ณ กรุงโตเกียว ขณะการเข้าพบกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จุดหมายสุดท้ายในการเดินทางเยือนเอเชียของเธอ “พวกเขาไม่ได้จัดตารางการเดินทางของเรา รัฐบาลจีนไม่ได้ทำอย่างนั้น”
ที่ผ่านมา จีนยืนยันว่าปัญหาไต้หวันนั้นเป็น “กิจการภายใจ” ของประเทศตน เนื่องจากการอ้างอำนาจอธิปไตยของตนเหนือเกาะที่มีประชากร 23 ล้านคน อย่างไรก็ดี การเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซี สร้างความกังวลให้กับชาติพันธมิตรสหรัฐฯ ในประเด็นความขัดแย้งช่องแคบไต้หวัน เนื่องจากภูมิรัฐศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ตลอดจนเส้นทางการเดินเรือและการบินบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการค้าโลก โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เกิดความกังวลจากวิกฤตในครั้งนี้ เนื่องจากที่ตั้งของประเทศอยู่ห่างกันออกไปไม่ไกลจากจีนและไต้หวันในระยะ 160 กิโลเมตร
ในการซ้อมรบของจีนเพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซีเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) ญี่ปุ่นรายงานพบการยิงขีปนาวุธจากจีนจำนวน 5 ลูก ตกบริเวณโซนเศรษฐกิจพิเศษของตน ส่งผลให้ญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ตำหนิและเรียกร้องผ่านทางการทูต เพื่อลดความตึงเครียดในวิกฤตครั้งนี้จากทางฝั่งจีน
ในขณะที่ ซูเจินชาง นายกรัฐมนตรีไต้หวัน ได้ออกแถลงการณ์ประณามจีนในวันนี้ (5 ส.ค.) โดยเรียกจีนว่าเป็น “ปีศาจจากบ้านใกล้เรือนเคียงที่คอยเบ่งกล้ามอยู่หน้าประตูบ้านของเรา” ด้วยการอาศัยการซ้อมรบที่ “บ่อนทำลายโดยพลการ” ต่อหนึ่งในเส้นทางน้ำที่พลุกพล่านที่สุดในโลก
การซ้อมรบของจีนรอบเกาะไต้หวันคาดว่าจะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยการซ้อมรบในครั้งนี้ เป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาค และเป็นการซ้อมรบในบริเวณ 6 โซนรอบเกาะไต้หวัน ที่เข้าใกล้กับตัวเกาะมากขึ้นกว่าการซ้อมรบในครั้งอดีต ในขณะที่เส้นทางการเดินเรือและเส้นทางอากาศบริเวณช่องแคบไต้หวันหยุดชะงักลงทันที
ซูให้สัมภาษณ์กับสื่อในกรุงไทเปซิตี้ โดยระบุว่าการกระทำของจีนจะก่อให้เกิด “การประณามจากทั่วโลก” และไต้หวันจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันดังกล่าว และจะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนประชาธิปไตย เพื่อป้องกัน “พฤติกรรมประมาทเลินเล่อของเผด็จการอำนาจนิยม”
ที่มา: