โดม - จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม จัดกิจกรรมการแสดงดนตรีเปิดหมวก เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครอบรอบ 28 ปี วันนี้ (29 ก.ย.) ที่ลานกิจกรรมอัฒจันทร์ ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน รายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้ 'คลองเตยมิวสิกโปรแกรม' และสมทบทุนเพื่อการบำรุงรักษาอุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กิจกรรม Dome's Birthday Charity "พี่ได้ร้อง...น้องได้เรียน" ถูกจัดขึ้นเป็นปีที่ 6 ภายใต้ความตั้งใจของนักร้องหนุ่ม ที่อยากจะแบ่งปันความสุขสู่ผู้อื่น และมอบโอกาสให้กับเด็กด้อยโอกาส ผ่านเสียงเพลง เหมือนกับที่ตนเคยได้รับในอดีต โดยโดมเผยว่า ย้อนไปก่อนหน้านี้เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ตนเคยจัดงานวันเกิดที่เป็นมีตติ้งร่วมกับแฟนคลับ มีการนัดรับประทานข้าว และนำเงินไปร่วมทำบุญกัน แต่ทีนี้ก็มองว่าอยากจัดงานที่ชวนทุกๆ คนมาร่วมทำบุญด้วยได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จึงเกิดไอเดียเล่นดนตรีเปิดหมวก แต่ละปีจะมีคนใหม่ๆ ที่มาดู ปีต่อไปคนเดิมจากปีที่แล้วก็กลับมาดู และมีคนใหม่ๆ เพิ่มมาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้นอกจากทุกคนจะได้รับความสุขจากการฟังเพลงแล้ว ยังได้ร่วมทำบุญไปด้วยกัน โดยแต่ละปีก็จะมอบเงินบริจาคในสถานที่ที่แตกต่าง และจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับปีนี้ได้มองไปที่การมอบโอกาสให้กับเด็กๆ ที่ชอบเล่นดนตรี นั่นก็คือที่ ‘คลองเตยมิวสิกโปรแกรม’
"ส่วนตัวโดมเอง เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยได้รับโอกาสจากดนตรี และเสียงเพลงจากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแฟนเพลง คนที่ดูรายการ ทุกคะแนนโหวต จนทำให้มีโอกาสได้เล่นดนตรีและร้องเพลงแบบทุกวันนี้ ซึ่งคลองเตยมิวสิกโปรแกรม เป็นโรงเรียนหนึ่งที่สอนดนตรีเด็ก ซึ่งมากกว่าการสอนดนตรีก็จะเป็นการทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาที่อยู่ในชุมชนคลองเคยดีขึ้นด้วย ในขณะที่รายได้อีกส่วนหนึ่งก็จะสมทบทุนให้กับอุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย เพราะว่ามีการใช้พื้นที่ตรงนี้เกือบทุกปีในการจัดกิจกรรม"
ปีนี้นอกจากจะมีการเล่นดนตรีเปิดหมวกแล้ว โดมยังนำเสื้อผ้าของตนเองมาขายด้วย ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่ง หรือมือสอง ขายราคาเดียว 300 บาท เพื่อเป็นการสทบทุนในการทำบุญครั้งนี้
ขณะที่เจ้าของวันเกิดวัย 28 ปี ยังเผยอีกว่า วันเกิดปีนี้ตั้งใจจะออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นของขวัญวันเกิด เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีปัญหาสุขภาพต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พักผ่อนน้อย ทำให้ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ตนได้ดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมปริมาณ และออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่เพราะอยากจะผอม แต่ต้องการที่จะมีสุขภาพที่ดีขึ้น
สำหรับบรรยากาศภายในงานครั้งนี้ มีผู้คนสนใจฟังดนตรีเป็นจำนวนมาก รวมถึงยังมีศิลปินที่มาร่วมมอบความสุข ทั้ง แก้ม วิชญาณี, ตั้ม วราวุธ, วงมีน และทีมนักร้องจากรายการเดอะดูเอ็ท ที่เป็นลูกทีมของโดมอีกด้วย
ทั้งนี้ 'คลองเตยมิวสิกโปรแกรม' ( Khlong Toey Music Program) เป็นโรงเรียนดนตรีขนาดเล็ก ในละแวกชุมชน 70 ไร่ ของคลองเตย หรือที่ใครๆ รู้จักกันในชื่อของ 'สลัมคลองเตย' ที่สอนดนตรี ภาษา และศิลปะ ฟรี ให้กับเด็กด้อยโอกาสในชุมชนคลองเตย โดยมีอาสาสมัครเป็นผู้จัดกิจกรรมเหล่านี้ จึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร จัดการ และพัฒนาโรงเรียน โดยดำเนินการมากว่า 7 ปีแล้ว
พิมพ์สุดา ภักดี ผู้ช่วยผู้บริหารโครงการคลองเตย มิวสิก โปรแกรม กล่าวว่า ตอนนี้สำหรับคลาสที่เปิดสอนทั้งหมด มี 5 วันด้วยกัน ที่เด็กๆ นิยมมากที่สุดก็คือคลาสดนตรี มีเด็กๆ อย่างน้อยประมาณ 40 คน ซึ่งนอกจากดนตรีสากลแล้ว ยังมีการสอน ดนตรีไทย ศิลปะ ภาษาอังกฤษ ซึ่งจำนวนเด็กทั้งหมดมีประมาณ 70 คน ทั้งนี้ คุณครูที่มาสอนก็จะแบ่งออกเป็นสองระบบด้วยกัน ทั้งที่เป็นแบบอาสาสมัคร จะมาสอนเมื่อมีเวลาว่าง และครูประจำที่ได้รับค่าตอบแทนเพียงนิดหน่อยตามกำลังทรัพย์ ที่จะมาทำงานตามเวลา
สำหรับจุดประสงค์ของโครงการนี้ พิมพ์สุดา กล่าวว่า เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสให้ใช้เวลาเพื่อห่างจากสิ่งที่พวกเขาเจอ เช่น ความเสี่ยงต่างๆ ทั้งเรื่องความรุนแรง ท้องก่อนแต่ง หรือยาเสพติด เชื่อว่าหากเด็กๆ ได้ใช้เวลาตรงนี้ก็จะทำให้ห่างไกลจากเรื่องพวกนี้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
เธอยังบอกอีกว่า ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเด็กๆ ที่เข้าสู่โครงการนี้ จากที่เมื่อก่อน เด็กบางคนมีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวง่าย หลังจากที่ได้เริ่มเล่นดนตรี หรือเรียนรู้ในคลาสต่างๆ ก็ทำให้บางคนมีอารมณ์ที่เย็นขึ้น นุ่มนิ่มมากขึ้น และคนที่ก่อตั้งโครงการนี้ก็คือชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้นเด็กๆ จะมีโอกาสได้เจอชาวต่างชาติหลายครั้ง ทำให้เขาได้เจอโอกาสดีๆ และเชื่อว่าหากเด็กๆ ได้เจอโอกาสดีๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้พวกเขาได้ค้นพบว่า ชีวิตเขามีอะไรอีกมาก ไม่ใช่แค่การขายลูกชิ้น การเป็นแม่บ้าน หรือว่าการไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
เนื่องจาก ‘คลองเตยมิวสิกโปรแกรม’ เป็นโรงเรียนเล็กๆ ที่เปิดสอนฟรี ทำให้เดือนหนึ่งมีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นบาท โดยรายได้หลักมาจากมูลนิธิ Playing for change ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ อีกส่วนหนึ่งมาจากการที่เด็กๆ ได้ไปออกงาน เล่นดนตรีเปิดหมวก การจ้างงานจากผู้ใหญ่ใจดี เงินบริจาค รวมไปถึงการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกมาขายเอง