ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน คาดแนวโน้มค่าไฟฟ้ากลางปี (พฤษภาคม-สิงหาคม 2567 ) ขึ้นเป็น 4.25 บาทต่อหน่วย เว้นถ้ารัฐบาลสนับสนุน ราคาก็จะลดลงได้อีก

วันที่ 16 ม.ค. คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. แถลงข่าว ชี้แจงและตอบข้อซักถาม ผลการพิจารณาปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือน มกราคม-เมษายน 2567 ตามมติ ครม. 

โดยเลขาฯ กกพ. เปิดเผยแนวโน้มราคาค่าไฟฟ้าในงวดเดือน พฤษภาคม ถึง สิงหาคม 2567 ประเมินว่าต้นทุนราคาค่าไฟจะอยู่ที่ประมาณ 4.20 - 4.25 บาทต่อหน่วย แต่ต้องรอพิจารณาปัจจัย ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย โดยเฉพาะปริมาณแก๊สจากแหล่งเอราวัณและ เมียนมา และ ราคาแก๊ส LNG ที่มีแนวโน้ม ราคาต่ำลง เป็นปัจจัยบวก ที่จะทำให้ราคาค่าไฟฟ้างวดถัดไป อาจจะลดลงได้

ส่วน ค่าไฟฟ้าใน ปี 2567 นี้ จะลดลงไปเหลือ 3.60 บาทต่อหน่วย ตามที่เอกชนเสนอได้หรือไม่ เลขา กกพ. ระบุ การปรับลดค่าไฟในช่วงที่ผ่านมามีการ ปรับลดโครงสร้างในหลายส่วน แต่หากจะให้ลดลงมากกว่านี้ ไม่รู้จะไปรื้อโครงสร้าง ส่วนไหนเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งหากจะให้ลดขนาดนั้นคงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าจะลดลงอีก รัฐบาลก็จะต้องสนับสนุน

สำหรับการคืนภาระหนี้ให้กับ กฟผ. ที่รับภาระแทนประชาชน ในช่วงที่มีการลดค่าไฟตามนโยบายรัฐบาลนั้น คมกฤช กล่าวว่า ต้องมีการหารือแนวนโยบายกับกระทรวงพลังงาน ให้กระทบกับ กฟผ.น้อยที่สุด คาดว่าค่าไฟฟ้า งวดมกราคม ถึง เมษายน 2567 หากราคาก๊าซ LNG ลดลงต่อเนื่อง จนถึงปลายงวด อาจทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่ำกว่าที่คาดไว้ กฟผ. อาจจะได้เงินคืนบางส่วน แต่ขณะเดียวกัน ก็อาจจะมีภาระเพิ่มขึ้นจากราคาค่าไฟงวด กันยายน ถึง ธันวาคม 2566 ที่ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย ซึ่งอาจทำให้ กฟผ.มีภาระเพิ่ม ประมาณ 10,000 ล้านบาท จะทราบตัวเลขที่ชัดเจนในช่วงเดือนมีนาคม