นอกจากอาณาบริเวณแถบเอะจิโกะ ทสึมะริ จังหวัดนิกะตะ จะเต็มไปด้วยภูเขา และทุ่งกว้าง เหมาะกับวิถีเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมของคนญี่ปุ่นแล้ว ภูมิภาคดังกล่าวยังเป็นที่ตั้งของอุโมงค์ลอดหุบเขาคิโยะสึ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินยาว 750 เมตร เปี่ยมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ตัดผ่านการก่อตัวก้อนหินจนเกิดทัศนียภาพสวยงามตระการตาแบบพาโนรามา
ล่าสุด บริษัทสถาปนิกชื่อดังจากกรุงปักกิ่ง MAD Architects เดินหน้าบูรณะพื้นที่ดังกล่าวให้กลายเป็น ‘อุโมงค์แห่งแสงสว่าง’ โดยตลอดเส้นทางสร้างสรรค์บรรยากาศด้วย 5 องค์ประกอบของธรรมชาติ ได้แก่ ไม้ โลก ไฟ โลหะ และน้ำ
สิ่งสำคัญคือ จุดประสงค์ของการออกแบบใหม่เน้นเชิญชวนให้ทุกคนทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ อีกทั้งพยายามเชื่อมโยงคนท้องถิ่น และผู้มาเยือนด้วยความงดงามตระการตาของแผ่นดินด้วย
เริ่มต้นด้วยบริเวณชั้นล่างของทางเข้าอุโมงค์ถูกเนรมิตรเป็นกระท้อมไม้ขนาดเล็ก ประกอบด้วยคาเฟ่ และร้านจำหน่ายของที่ระลึก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานฝีมือจากคนท้องถิ่น
จากนั้นเมื่อก้าวเท้าขึ้นชั้นบนจะพบกับบริการสปาเท้าน้ำพุร้อน สงบเงียบภายใต้หลังคาไม้ซีดาร์ทรงแหลม ขณะผ่อนคลายกับการแช่เท้าในน้ำอุ่นๆ เมื่อเงยหน้าจะเห็นรูรับแสงวงกลมคล้ายกล้องปริทรรศน์ (Periscope) ซึ่งแสดงภาพวิวทิวทัศน์รอบๆ ผ่านกระจกสะท้อนแสง
เชื่อมต่อด้วยทางเดินเข้าอุโมงค์ที่ผ่านการบูรณะอย่างพิถีพิถัน ด้วยการติดตั้งแผงไฟสีแตกต่างกันตามแนวอุโมงค์ ได้แก่ สีแดง สีเขียว สีเหลือง และสีฟ้า ตัวแทนธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของโลกคือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ร่วมด้วยการเปิดเพลงแนวลึกลับซับซ้อน จนเกิดความอยากรู้อยากเห็นไม่จบสิ้น นับเป็นการแสดงออกของพื้นที่ที่น่าสนใจไม่น้อย
ส่วนโซนโลหะผ่านการปรับปรุงใหม่ให้มีชีวิตชีวาด้วยแคปซูลสะท้อนแสงเงาของตัวอุโมงค์เอง ทำหน้าที่เป็นห้องสุขา โดยหน้าต่างโปร่งใสหันหน้าเข้าสู่หุบเขา แต่ด้านนอกของหน้าต่างปิดด้วยแผ่นฟิล์มโลหะคุณสมบัติมองทะลุด้านเดียว เพื่อเล่นกับแนวคิดเรื่องความเป็นแบบสาธารณะ และความเป็นส่วนตัว
จุดสิ้นสุดของการฟื้นคืนชีวิตอุโมงค์ลอดหุบเขาคิโยะสึปรากฏตัวออกมาในรูปแบบของแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ปกคลุมด้วยแผ่นสแตนเลสกึ่งเงา สะท้อนให้เห็นภาพความเขียวชอุ่มของธรรมชาติ และภูมิประเทศอันสวยงามบนแผ่นหิน สาระสำคัญอยู่ตรงคุณค่าของแสงสว่าง ความเงียบสงบ และสระน้ำตื้นๆ พร้อมระลอกคลื่นลมเบาๆ ที่ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า
สำหรับการบูรณะอุโมงค์ลอดหุบเขาคิโยะสึ เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลศิลปะระดับนานาชาติ เอะจิโกะ-ทสึมะริ ครั้งที่ 7 ประจำปี 2018 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม – 17 กันยายน มีศิลปินร่วมสร้างสรรค์ผลงานกว่า 130 คน ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นศิลปินต่างชาติประมาณ 30 คน จาก 22 ประเทศทั่วโลก