หลังจากวิกฤตนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดถึงขีดสุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ตามด้วยการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้ สหรัฐฯ และญี่ปุ่นคร้งใหญ่ที่สุดเช่นกัน สถานการณ์ก็เหมือนจะคลี่คลายลงสู่การปูทางไปที่การเจรจาสันติภาพ เนื่องจากรัสเซียเปิดเผยว่าเกาหลีเหนือพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐฯ และรัสเซียอาสาจะเป็นตัวกลาง ขณะที่รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านการเมืองก็เดินทางไปยังเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี พร้อมกับยืนยันถึงความจำเป็นในการเปิดช่องทางการทูตเพื่อป้องกันการเกิดสงครามจากการสื่อสารที่ผิดพลาด
อ่านต่อ สหรัฐฯพร้อมเปิดเจรจากับเกาหลีเหนือโดยไม่มีเงื่อนไข
นอกจากนี้ สหรัฐฯยังเปิดเผยเอกสารลับที่เคยประเมินไว้เมื่อปี 1994 ว่าหากทำสงครามกับเกาหลีเหนือ จะเอชนะได้แน่ แต่ต้องสูญเสียทหารเกาหลีใต้กว่า 490,000 นาย และทหารอเมริกันอีก 52,000 นายใน 3 เดือนแรกของการสู้รบ เท่ากับว่าสหรัฐฯเองก็ยอมรับว่าความสูญเสียจากสงครามเป็นเรื่องหนักหนาเกินกว่าที่สหรัฐฯจะยอมเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อเกาหลีเหนือในยุคนี้ครอบครองขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถยิงได้ไกลถึงสหรัฐฯ
นายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เดินทางไปชมการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมาด้วยตนเอง การทดสอบดังกล่าวเป็นการทดสอบขีปนาวุธที่ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่เกาหลีเหนือเคยทำมา
ท่ามกลางการปฏิเสธสงคราม แต่การเจรจาก็ยังไม่เริ่มขึ้น เครื่องมือเดียวที่ถูกใช้มาตลอดและยังใช้อยู่จนถึงขณะนี้ในการควบคุมเกาหลีเหนือ ก็คือการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ที่เพิ่งมีการเพิ่มความรุนแรงของการคว่ำบาตรไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และยูเอ็นก็เรียกร้องให้นานาชาติให้ความร่วมมือกับการไม่คบค้าสมาคม รวมถึงไม่ซื้อขายกับเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะการขายน้ำมันเชื้อเพลิงให้เกาหลีเหนือของจีน ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงกองทัพของนายคิมจองอึน
อย่างไรก็ตาม นายเซอิด ราอัด อัล-ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ กลับออกมาเตือนว่าการคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ จะกระทบกับผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก โดยชี้แจงว่าทุกวันนี้ในเกาหลีเหนือมีประชากรกว่าร้อยละ 70 จากจำนวนทั้งหมด 25.1 ล้านคน ที่มีภาวะไม่มั่นคงทางอาหาร และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรรมจากยูเอ็นเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงคนประมาณ 13 ล้านคน ซึ่งคนจำนวนนี้จะต้องได้รับผลกระทบอย่างมากหากการคว่ำบาตรรุนแรงไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่อากาศเลวร้ายและไม่มีอาหาร และในขณะนี้ การคว่ำบาตรรอบล่าสุดก็ทำให้ความช่วยเหลือเข้าไปถึงพื้นที่ได้ยากกว่าปกติแล้ว
นักวิเคราะห์ประเมินว่าในช่วงทศวรรษที่ 1990 ประชากรเกาหลีเหนือ 2.5 ล้านคนล้มตายจากภาวะอดอยากอันเนื่องมาจากการปฏิรูประบบการเกษตรที่ล้มเหลวและการขาดการวางแผนด้านเกษตรกรรมในประเทศ จนถึงขณะนี้ ประชากรนอกกรุงเปียงยางเกือบทั้งหมดอยู่ในภาวะทุพโภชนาการและยากไร้
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจด้วยการไม่ค้าขายกับเกาหลีเหนือจะไม่ใช่วิธีการที่ได้ผลในการตัดเส้นทางการเงินของคิมจองอึน เนื่องจากล่าสุด สถาบันอินเทอร์เน็ตและความมั่นคงของรัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่าเกาหลีเหนือโจมตีสกุลเงินดิจิทัลที่เริ่มแพร่หลายในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยการแฮ็กระบบเพื่อขโมยเงิน รวมถึงการ "ขุด" บิทคอยน์ และการเรียกรับเงินเป็นสกุลบิทคอยน์ในการเรียกค่าไถ่
แม้ว่าจะไม่มีใครประเมินได้ว่าเกาหลีเหนือครอบครองบิทคอยน์ทั้งจากการขุด แฮ็ก และเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเท่าไหร่กันแน่ แต่ราคาบิทคอยน์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในปีนี้ ส่งผลดีต่อกระเป๋าเงินของคิมจองอึนอย่างแน่นอน และยิ่งมีความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนือจะหันมาหาเงินโดยผ่านสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น ท่ามกลางการคว่ำบาตรจากนานาชาติ โดยอาศัยช่องโหว่ของการที่สกุลเงินดิจิทัลยากต่อการตรวจสอบ และไร้พรมแดนอย่างแท้จริง
อ่านต่อ ส่องเส้นทางการเงินเกาหลีเหนือ