“เดิมเราตั้งเป้าไว้ว่า เราอยากได้เงินจำนวนน้อยๆ จากคนจำนวนเยอะๆ มากกว่าจะได้เงินจำนวนเยอะๆ จากคนจำนวนน้อยนิดเดียว”
คำล่าวของ “ตูนบอดี้สแลม” ท่อนนี้ที่บอกแก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ในการเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนเช้าวันที่ 4 พ.ย.2560 ตัวผมอ่านแล้วขอชมว่า
ตูนพูดได้เจ็บมาก
และมันกระตุ้นให้ผมกล้าเขียนถึงเรื่องราวของตูน ในการวิ่งเพื่อขอรับเงินบริจาคเป้าหมาย 700 ล้านบาท นำไปมอบให้โรงพยาบาล 11 แห่ง ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์มาบริการคนไทยทั้งปวง
ตอนแรกๆผมไม่กล้าเขียนถึงตูนครับ เพราะมันเป็น social movement เป็นความเคลื่อนไหวทางสังคมที่น่ากลัวมาก ตัวผมแลเห็นคนไทยเกิดความแตกแยกทางความคิดอย่างลึกล้ำเกินกว่าตัวผมจะกล้ายุ่งด้วย มีคนชม มีคนด่า วุ่นวายอุตลุตไปหมด แต่เมื่อตูนกล่าวบอกแก่นายกรัฐมนตรีของเราชาวไทยทั้งประเทศดังความท่อนต้น ผมก็ตัดสินใจเขียนครับ ด้วยการบอกตูนว่า
น่ากลัวจริงๆ
หลายคนชื่นชมการทำความดีนี้ แต่ก็มีคนบางส่วนบอกว่าตูนทำไม่ถูก ไม่ใช่หน้าที่ วิ่งอีกกี่ล้านก้าวก็หาเงินมาไม่พอ ก็มีอีกคนด่าสวนมาทันที คนทำดีไปว่าเขาทำไม ตัวเองไม่ทำก็อย่าขวาง
บางคนก็พูดเข้าหูผม การวิ่งของตูนครั้งนี้มีคนบาดเจ็บล้มตายระหว่างทางจำนวนมาก ไม่ได้ตายสิ้นชีวิตนะครับ หมายถึงว่า ตายทางสังคม โดยเฉพาะ พวกคนดัง ที่เข้าไปโหน ดักรอเซลฟี่ เข้าไปยื่นเงิน หรือยื่นซองเงิน แล้วเอารูปมาลงโซเชียลของตัวเอง ได้ถูกคนอื่นๆในสังคมไทยด่าอย่างสาดเสียเทเสียจนตายดับไปแล้วในทางสังคม หรือไม่ตายก็บาดเจ็บสาหสัส
ผมดีใจมากที่ตูนกล่าวคำนี้บอกพลเอกประยุทธ์ แต่ผมก็ไม่ถามนะครับว่า
มีใครเงิบมั่งมั๊ย
เราอยากได้เงินจำนวนน้อยๆ จากคนจำนวนเยอะๆ มากกว่าจะได้เงินจำนวนเยอะๆ จากคนจำนวนน้อยนิดเดียว
คนเงินใหญ่จำนวนน้อยนิด
ตูนพูดได้สะใจดีมาก และผมก็หวังว่าเมื่อเกิดรายการโซเชียลมูฟเม้นท์ครั้งต่อๆไปไม่ว่าในเรื่องราวของอะไรก็ตามแต่ “คนเงินใหญ่” คงได้คิดมั่งล่ะว่า เงินใหญ่ของตัวเองบางทีก็ทำให้เจ็บได้อย่างนี้
ตูนสอบเอ็นทรานซ์ติดนะครับ เข้าจุฬาฯได้มันก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และยังได้เกียรตินิยมอันดับ 1 นิติศาสตร์จุฬาฯ ก็เป็นเครื่องการันตีว่าตูนเป็นคนที่มีความคิดความอ่านระดับไหน
ตูนตอกได้ดีมาก
ตัวผมเองเป็นคนมีบ้านเรือนอยู่อาศัยในตลาด ชีวิตปกติชอบกินข้าวราดแกงที่ร้านขาย ร่วมกับคนชาวบ้านที่เป็นชนระดับเดียวกัน บนโต๊ะนั้นมีมีเสน่ห์มาก ได้แอบฟังชาวบ้านคุยกัน ถามกันอย่างกระชั้น ตูนจะวิ่งผ่านตลาดเรามั๊ย จะไปเซลฟี่ มันเป็นอย่างนี้จริงๆนะตูน เซลฟี่คือชีวิตจริงของคนไทยเวลานี้
มีจำนวนมากของคนไทยที่มอบเงินให้ตูนด้วยจิตใจอันดี อยากร่วมทำดีในการที่ถือว่าเป็นการทำบุญ แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่รออยู่เพื่อที่จะใช้เงินของตัวเองสร้างความเขื่อง เอามาโฆษณาบนโซเชียลสารพัดเครือข่าย
เมื่อตูนไม่วิ่งผ่านเส้นทางของตัวเองก็เสียใจ บ่นว่า บางคนว่าแรง
นั่นก็ยังไม่น่ากลัวเท่าที่ผมพบเห็นด้วยตัวเอง มีคนบางแห่งก็คนสองคน หรือสี่ห้าคน คนหนึ่งถือโทรโข่งพูด อีกคนถือกล่องเดินตาม ชักชวนให้คนบริจาคเงิน บอกว่าจะเอาไปให้ตูน ซึ่งผมดูแล้วก็มีความรู้สึกเดียว มันช่างมีหัวคิดแสวงหา ก็ไม่รู้ล่ะครับจะเอาเงินไปให้ตูนจริงหรือไม่ แต่มันทำให้ผมมีความรู้สึก
อยากให้ตูนรับรู้
คนไทยจิตใจดีมีเยอะ
คนจิตใจไม่ดีก็มีเยอะ
เมื่อวันนี้ตัวผมมีความกล้า – กล้าขียนเรื่องตูนวิ่งแล้ว ก็เอาใจช่วยนะครับ กว่าตูนจะวิ่งจบจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีกกี่รูปแบบ กระนั้นผมก็ขอให้เรื่องราวจบลงอย่างดี อย่าได้มีเรื่องไม่ดีที่เกิดจากคนไทยไม่ดีให้มากไปกว่านี้เลย
ผมขอจบข้อเขียนในวันนี้ด้วยการหาความดีความชอบใส่ตัวเอง ด้วยการฟ้องท่าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า
รัฐบาลของท่านขาดทุนหนักมากเลยนะครับ
ผมได้ยินคนเขาถกกัน คนหนึ่งถามขึ้นว่าตูนทำถูกหรือไม่ถูก ก็มีคนตอบว่า ตูนทำถูกและดีแล้ว แต่คนที่ผิดคือรัฐบาล ทำไมไม่บริหารเงินงบประมาณให้โรงพยาบาลทุกแห่งมีใช้อย่างเพียงพอ เพราะการดูแลประชาชนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว ก็มีอีกคนอธิบายว่า งบไม่พอ ก็มีเสียงพูดดังขึ้นมา ไม่ซื้ออาวุธแค่ล็อคเดียวก็มากกว่า 700 ล้านบาทแล้ว ตูนก็ไม่ต้องเหนื่อย
ผมได้ยินแล้วก็มีความสุข
คนไทยคิดเป็นใช่มั๊ยครับท่านนายกรัฐมนตรี
แต่อย่าระงับการซื้ออาวุธนะครับ ล็อตเดียวก็ระงับไม่ได้ เพราะการซื้ออาวุธแต่ละล็อตเป็นไปตามแผนป้องกันประเทศที่ได้คิดกันมาอย่างดีแล้ว อาวุธคือแสนยานุภาพของประเทศ
ฉลามเขียว
4 ธันวาคม 2560