นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 3 แสดงวิสัยทัศน์ภายใต้สโลแกน "จุดเปลี่ยนประชาธิปัตย์ จุดเปลี่ยนประเทศไทย" โดยชูการทำการเมืองสีขาว การเมืองสุภาพบุรุษ ด้วยหลักการ 4 ปฏิรูป 5 กฎเหล็ก 6 ยุทธศาสตร์ ที่จะนำพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่พรรคการเมืองอันดับหนึ่ง เป็นพรรคการเมืองของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่พรรคการเมืองของภาคใดภาคหนึ่ง
นายอลงกรณ์ ตั้งสเปกเลขาธิการพรรคที่จะมาทำงานด้วยหากได้เป็นหัวหน้าพรรค โดยจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถและคุณสมบัติไม่แพ้ซีอีโอบริษัทใหญ่ โดยจะตั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมการคุณธรรมของพรรค ส่วนตัวหากได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้วจะไม่มีการบอยคอตการเลือกตั้งเกิดขึ้นอีก และไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีคนนอกอย่างแน่นอน เพราะจะนำมาสู่วิกฤตการสูญเสียเลือดเนื้อครั้งใหญ่อีกครั้ง
นายอลงกรณ์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมากว่า 3 ปี ไม่เคยไปพบกับบุคคลในรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ใดๆ พร้อมกับย้ำว่ารัฐมนตรีทั้ง 4 คน ที่ลงเล่นการเมืองในนามพรรคพลังประชารัฐควรลาออกจากตำแหน่งทันที เพราะการสวมหมวก 2 ใบทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์ เข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อีกทั้งยังเพื่อป้องกันการสร้างมาตรฐานและบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมา
ช่วงท้ายของการแสดงวิสัยทัศน์ นายอลงกรณ์ ได้ตอบคำถามโดยยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เป็นพรรคอะไหล่ และจะให้พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ได้เสียงอันดับหนึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น จะไม่นำพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมกับพรรคการเมืองที่ไม่ชนะเลือกตั้งแล้วพยายามรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล เพราะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน
ขณะเดียวกันขอสนับสนุนกลุ่มนักวิชาการและภาคประชาชนที่รวมตัวกันจัดตั้งเครือข่าย FFFE จับตาการเลือกตั้ง เพราะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
นายอลงกรณ์ เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 16 ต.ค. นี้ จะจัดดินเนอร์ทอล์ค เปิดยุทธศาสตร์และนโยบายในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหารวยกระจุก จนกระจาย การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
ประกาศตัดขาดทีวีบลูสกาย หากได้นำ ปชป.
จากนั้น นายอลงกรณ์ ตอบคำถามเรื่องการยุบพรรคการเมืองจะสอดคล้องกับแนวทางการเมืองสีขาวหรือไม่ว่า ในการพิจารณาคดียุบพรรคการเมืองต้องมีความเสมอภาค ไม่ปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน ไม่เอาเหตุผลทางการเมือง รวมถึงความได้เปรียบทางการเมืองมาครอบงำการตัดสินคดี อย่างไรก็ตาม หากพรรคการเมืองไม่ได้ทำผิด ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกยุบพรรค
นายอลงกรณ์ ยกตัวอย่างหากในช่วงที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่นำสมาชิกพรรคมายุ่งเกี่ยวกับคดีความ พร้อมย้ำว่าหากได้เป็นหัวหน้าพรรคจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถานีโทรทัศน์บลูสกาย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เพราะกฎหมายห้ามพรรคการเมืองไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว พร้อมกันนี้ยังกล่าวพาดพิงถึงวอยซ์ทีวีด้วยว่าควรทำหน้าที่สื่อด้วยความเป็นกลาง เพราะการยืนตรงกลางไม่เอนเอียงไปฝ่ายใด คือความเป็นสื่อมวลชนที่แท้จริง
ทั้งนี้ มีแนวคิดที่จะทำให้สื่อมวลชน เป็นสื่อสีขาว โดยตั้งคนของประชาธิปัตย์เข้ามาจับตาตรวจสอบ พร้อมคาดโทษหัวหน้า หรือเจ้าของสื่อรายใด หากมีพฤติกรรมวิ่งเต้นโยกย้าย สนับสนุนบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง อาจถูกกล่าวโทษเรื่องการทุจริต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :