นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณว่า สิ่งแรกก็คือเขามีความเป็นเด็กชนบท การสร้างเนื้อสร้างตัวก็ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กหรือรุ่นไหนก็ตาม มีความใฝ่ฝันที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา ดร.สุรินทร์ก็เป็นเด็กต่างจังหวัดที่มีโอกาสไม่มากนัก ใฝ่เรียนรู้ อาจจะเป็นเพราะพ่อเป็นครูสอนศาสนา ก็ทำให้มีความมุ่งมานะที่จะเรียน ความมุ่งมานะนั้นก็คือความขยันที่จะเรียนภาษา จนที่สุด ดร.สุรินทร์ ก็สามารถเข้าธรรมศาสตร์ได้ แล้วก็สอบชิงทุนก่อนที่จะจบธรรมศาสตร์ แล้วก็ได้มาสมัครผู้แทนราษฎร
ความก้าวหน้าของราชการก็ยังมีอยู่ การตัดสินใจนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากเพราะว่าเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง ถ้าไปดูคะแนนเลือกตั้งท่าน ดร.สุรินทร์ชนะคะแนนทุกครั้ง ตั้งแต่สมัยแรกจนถึงสมัยที่ 7 ของนครศรีธรรมราช บทบาทครั้งแรกก่อนที่จะมาเป็นผู้แทนครั้งแรกก็เป็นเลขานุการของประธานสภาผู้แทนราษฎร ผมก็ได้ใช้ท่านทำงานเพราะท่านมีความรอบรู้การเมืองระหว่างประเทศ และระบอบประชาธิปไตย เกือบจะพูดได้ว่าท่านทำงานที่สำคัญๆ ไว้มากมาย เช่น มีข้อขัดแย้งระหว่างอาเซียน เกี่ยวกับเรื่องแม่บ้าน คนทำสื่อจะรู้ดี ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นตัวประสาน เรื่องนี้เป็นเรื่องเงียบๆ ไม่ค่อยมีใครรู้ ผมให้ ดร. สุรินทร์เป็นตัวเชื่อมระหว่างท่านนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ กับ ทางฟิลิปปินส์ ทำให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันก็จบลง แล้วก็มีงานอย่างอื่นที่ท่าน ดร.สุรินทร์ได้ทำเพื่อประเทศชาติของเรา
อุปนิสัยของ ดร. สุรินทร์ ส่วนหนึ่งเพราะว่าความสามารถและความมีอัทธยาศัยดีตามแบบคนไทย ตอนไปอาเซียนด้วยกัน ดร.สุรินทร์ ก็เป็นล่ามให้ผมด้วย มีคนเรียกเขาว่า " Prince สุรินทร์ " ในสมัยนั้นที่มีการเรียกเขาว่าเจ้าชายเพราะว่าเขามีความสามารถสูง และ การพบกับแขกต่างๆ เขาจะมีข้อมูลดีมากเวลาสนทนากับแขก พูดง่ายๆเลยว่าถ้ามีองค์กรไหนขอให้เขาไปบรรยายที่ไหน เขาไม่เคยปฏิเสธเลย ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านหรือมัสยิด