นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือ กสร. เปิดเผยว่า กสร. ได้จัดทำโครงการศึกษาวิเคราะห์สภาพงานอันตรายสำหรับเด็กในประเทศไทย เพื่อศึกษาทบทวนเปรียบเทียบกฎหมาย มาตรฐานและแนวปฏิบัติเชิงนโยบายในการจัดการควบคุมและคุ้มครองเด็ก โดยมุ่งสำรวจและประเมินความเสี่ยงลักษณะงาน หรือกิจการที่มีการใช้แรงงานเด็ก พร้อมระบุปัจจัยเสี่ยงและวิเคราะห์ถึงอันตรายของลักษณะงานที่มีเด็กทำงาน
จากการศึกษาพบว่า กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีการออกกฎหมายเป็นสองลักษณะ คือ ลักษณะงานอันตรายที่ห้ามทำและลักษณะงานเบาที่ปลอดภัยอนุญาตให้เด็กทำได้ ซึ่งแตกต่างจากแนวทางของประเทศไทยที่ออกกฎหมายงานที่ห้ามเด็กทำและงานที่เด็กทำได้ แต่ยังไม่ได้ระบุประเภทกิจการไว้
ขณะที่ผลสำรวจและประเมินความเสี่ยงกิจการที่มีเด็กทำงานมากที่สุด พบว่า ลักษณะงานที่ควรกำหนดให้เป็นงานอันตรายสำหรับเด็กเพิ่มเติมและห้ามจ้างเด็กทำงาน ได้แก่ งานวัดระดับน้ำมันในบ่อเก็บน้ำมัน และการเติมก๊าซแอลพีจีในกิจการขายปลีกน้ำมัน งานขับขี่รถจักรยานยนต์ส่งอาหารและเอกสารในกิจการบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม งานส่งวัสดุ การติดตั้งเครื่องปรับอากาศในกิจการก่อสร้าง และงานซักรีดในกิจการบริการโรงแรม
อธิบดี กสร. ระบุเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ผลจากการศึกษายังพบว่า การทำงานบนที่สูงตั้งแต่ 7 เมตรขึ้นไป และการทำงานในอุณหภูมิสูงกว่า 32 องศาเซลเซียส รวมถึงการทำงานเกิน 22.00 น. อาจเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็ก ซึ่งผลจากการวิจัยครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวางแนวทางการพัฒนาความปลอดภัยในการทำงานของเด็กทำงานในประเทศไทยเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป