คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวาเซดะและมหาวิทยาลัยโอซะกะ เผยแพร่การศึกษาสถิติผู้ฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2517-2557 จำนวนกว่า 870,000 ราย เพื่อหาแนวทางป้องกันการฆ่าตัวตายอย่างมีประสิทธิภาพ พบว่า ประชากรชายวัยกลางคนของญี่ปุ่น อายุระหว่าง 40-65 ปี ฆ่าตัวตายมากที่สุดช่วงเช้าวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 04.00 - 07.59 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะต้องเดินทางไปทำงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์
ผลวิจัยดังกล่าวบ่งชี้ว่า การฆ่าตัวตายของชาวญี่ปุ่นบางส่วนอาจจะเกี่ยวข้องกับภาวะทางอารมณ์ที่นักจิตวิทยามักเรียกว่า 'อาการเบื่อวันจันทร์' หรือ Blue Monday
มิชิโกะ อุเอดะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยวาเซดะ หัวหน้าคณะนักวิจัยที่ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว เปิดเผยกับเจแปนไทม์ส ว่า สถิติชายวัยกลางคนที่ฆ่าตัวตายในช่วงเช้าวันจันทร์พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา
ช่วงปีดังกล่าว ญี่ปุ่นเริ่มประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และต้องเผชิญกับการปลดพนักงานและการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยเกี่ยวพันที่ทำให้ชายวัยกลางคนชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตาย เนื่องจากสังคมญี่ปุ่นคาดหวังว่าผู้ชายญี่ปุ่นจะต้องเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว
รายละเอียดของงานวิจัยบ่งชี้ว่าสถิติผู้ชายฆ่าตัวตายในเช้าวันจันทร์สูงกว่าการฆ่าตัวตายในช่วงค่ำเฉลี่ย 1.57 เท่า และสูงกว่าสถิติการฆ่าตัวตายในวันหยุดเฉลี่ย 1.55 เท่า
ผศ.อุเอดะ ระบุด้วยว่า ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นหลักฐานสำคัญที่รัฐบาลและภาคประชาสังคมควรนำไปพิจารณา และหาทางเพิ่มบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่อยากฆ่าตัวตายให้ครอบคลุมทุกช่วงเวลา เพราะที่ผ่านมาการให้บริการคำปรึกษามักจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาสายไปจนถึงค่ำ แต่การให้คำปรึกษาในช่วงเช้าไม่มีให้บริการในบางพื้นที่
นอกจากนี้ ผลวิจัยยังบ่งชี้ว่าผู้หญิงญี่ปุ่นวัยกลางคน และผู้สูงอายุทั้งชายและหญิง มักจะฆ่าตัวตายในระหว่างวัน ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขามักจะต้องอยู่เพียงลำพังในที่พักอาศัย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาบริการหรือแนวทางป้องกันการฆ่าตัวตายในประชากรกลุ่มนี้เช่นกัน แต่สื่อญี่ปุ่นไม่ได้รายงานว่าสถิติผู้หญิงวัยกลางคนที่ฆ่าตัวตายคิดเป็นสัดส่วนเท่าใด
ขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่นเปิดเผยด้วยว่า ปี 2559-2560 ที่ผ่านมา เป็นปีที่เยาวชนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายมากที่สุด คิดเป็นจำนวนทั้งหมด 250 ราย มีตั้งแต่เด็กประถมไปจนถึงเด็กมัธยม แต่ช่วงอายุที่มีการฆ่าตัวตายมากที่สุด คือ 18 ปี
อย่างไรก็ตาม สาเหตุการฆ่าตัวตายในกลุ่มเยาวชนญี่ปุ่นจำนวนมากยังเป็นปริศนา เพราะผู้ที่ฆ่าตัวตาย 140 ราย จากจำนวนทั้งหมด 250 ราย ไม่ได้เขียนจดหมายหรือทิ้งข้อความใดๆ เอาไว้เลย แต่ช่วงที่มีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นมากที่สุด คือ วันเริ่มต้นภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา ซึ่งมักจะเริ่มขึ้นช่วงวันที่ 1 ก.ย.ของทุกปี
บีบีซีรายงานว่า สถิติผู้ฆ่าตัวตายโดยรวมทุกเพศและช่วงวัยในญี่ปุ่นลดลงจาก 34,500 รายในปี 2546 เหลือ 21,000 รายในปี 2560 แต่ 'โนริกะ คิตะซะกิ' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่น เปิดเผยว่าสถิติเยาวชนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายยังถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ รัฐบาลและประชาชนต้องร่วมมือกันหาทางลดจำนวนและป้องกันการฆ่าตัวตายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: