ไม่พบผลการค้นหา
"อภิสิทธิ์ " ขอคะแนนนิยมสมาชิกชาวสงขลา ชิงลงหัวหน้าพรรค ระบุอายุ 54 ปี หมดเวลาเกรงใจใคร พร้อมนำพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลักให้ประเทศ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไป เดินทางไปที่โรงแรมหรรษา เจบี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อพบปะกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดสงขลา และขอคะแนนนิยมก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเปิดรับสมัครหัวหน้าพรรค เพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการหยั่งเสียงในวันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.)

โดยนายอภิสิทธิ์ ประกาศว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะต้องเป็นหลักให้กับประเทศ ทำให้บ้านเมืองหลุดพ้นจากวงจรเดิม ๆ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ตลอดระยะเวลาที่เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่แล้ว ประสบทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และความไม่สงบ รัฐบาลขณะนั้นทำได้เพียงกอบกู้วิกฤติ แต่ไม่มีโอกาสได้สร้าง เมื่อโอกาสมาถึง ยืนยันพร้อมสร้างประเทศกับประชาชน จึงขอเชิญชวนสมาชิกพรรคทุกคนมาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ สร้างประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่า และยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เลือกข้าง เพราะมีแนวทางตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ ของประเทศและประชาชน 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ส่วนใหญ่วิเคราะห์การเมืองว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้มีอำนาจในปัจจุบันกับพรรคการเมืองที่พูดง่ายๆ ว่าเป็นพรรคที่สืบทอดมาจาก นายทักษิณ ชินวัตร พยายามให้สังคมคิดแบบนั้น แล้วก็มีฝ่ายหนึ่งบอกว่า พยายามช่วยพรรคประชาธิปัตย์มาต่อสู้กับเผด็จการทหารและมีอีกฝ่ายหนึ่งพยายามชวนพรรคประชาธิปัตย์มาสู้กับพรรคการเมืองที่เคยมีปัญหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งขอยืนยันว่า ประชาธิปัตย์ไม่ต้องการติดหล่มการเมืองแบบนี้ประเทศไทย คนไทยมีทางเลือกที่ดีกว่านี้

นายอภิสิทธ์ ยังยืนยันว่า วันนี้อายุ 54 ปีแล้ว หมดเวลาที่จะเกรงใจใคร หมดเวลาลังเล เพราะพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในทางหลายแพ่ง

นอกจากนี้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีจำนวนอดีต ส.ส.รับรอง ครบ 20 คน ตามข้อบังคับกำหนด เพื่อเข้าสู่กระบวนการหยั่งเสียงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และคาดว่าผู้สมัครคนอื่นจะสามารถหาผู้รับรองได้ตามเงื่อนไขเช่นเดียวกัน

ส่วนการลงพื้นที่หาเสียงกับสมาชิกพรรคจะเข้าข่ายการหาเสียงที่คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่13/2561 ห้ามไว้หรือไม่ นายอภิสทธิ์ ยืนยันว่า กระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในพรรค 

นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า หลังเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกลากไปอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเผด็จการ หรือ จับขั้วกับใด เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตัวเลือกแต่จะเป็นพรรคที่นำเสนอสิ่งที่แตกต่าง 

ส่วนกรณีที่เคยระบุว่าการเมืองช่วงหลังเลือกตั้งจะแบบเป็น 3 ฝ่าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวสั้นๆ ว่า ขณะนี้เป็นเช่นนั้นแล้ว

ส่วนกรณีที่ถูกวิจารณ์ จากอดีต ส.ส.ผู้สนับสนุน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก ว่า คนรอบข้างนายอภิสิทธิ์เป็นพิษ นายอภิสิทธิ์ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่เชื่อว่าทุกคนในพรรคมีคุณค่า ซึ่งตนเองพร้อมรวบรวมพลังของคนในพรรคเพื่อเดินหน้าทำงานต่อ 

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้ง ของกรุงเทพมหานคร ออกเป็น 3 รูปแบบ ว่า เป็นเรื่องปกติที่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างการ ซึ่งขึ้นอยู่กับการแสดงความเห็นของประชาชน และกกต.ต้องทำนามที่กฎหมายกำหนดไว้