ไม่พบผลการค้นหา
พลิกประวัตินักการเมืองรุ่นเก๋า 'ประยุทธ์ ศิริพานิชย์' อดีต ส.ส.มหาสารคาม หลายสมัย นำ ส.ส.อีสาน ร่วมร้อยชีวิตปักหลักกอดคอสู้ศึกเลือกตั้งกับ 'เพื่อไทย' ในอดีตเคยแปรญัตติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จาก'ครึ่งซอย' สู่ 'สุดซอย'
"ขอยืนยันอีกว่าชีวิตนี้ให้ใครไม่ได้แล้ว จะผ่องแผ้วมืดมิด ไม่คิดหนี ขอมอบให้เพื่อไทยทั้งชีวี จะสิ้นลงตรงนี้ก็ยอมตาย"


1515572722864.jpg

'ประยุทธ์ ศิริพานิชย์' อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย นำอดีต ส.ส.กลุ่มอีสานกว่า 50 ชีวิต เข้าอวยพรหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และแกนนำพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2561 ว่าจะยืนหยัดต่อสู้ร่วมหัวจมท้ายกับ 'พรรคเพื่อไทย'

แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวลืออย่างสะพัดว่า 'คสช.' กำลังเดินเกมเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองของ 'ทหาร' ขึ้นมาโดยมีเป้าหมายดูด อดีต ส.ส. โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเข้าสังกัดก็ตาม

แต่คำประกาศดังกล่าวของ 'หัวเขียง' ฉายาที่สื่อเรียกนั้น สะท้อนให้เห็นว่า อดีต ส.ส.อีสานของ 'พรรคเพื่อไทย' ร่วมกว่า 100 ชีวิตจะยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับแกนนำพรรคชุดปัจจุบันต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า

หากย้อนไปในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2554 สัดส่วน ส.ส.อีสานมีจำนวน 126 ที่นั่งจากที่นั่งเต็ม 500 เก้าอี้ 

การเลือกตั้งครั้งนั้น 'เพื่อไทย' ถือเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวที่กวาด ส.ส.ในพื้นที่อีสานถึงหลักร้อย คือ 104 ที่นั่ง เป็นผลให้ 'เพื่อไทย' ได้ ส.ส.ถล่มทลาย 264 ที่นั่งยึดเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 'ประยุทธ์ ศิริพานิชย์' ถูกวางตัวให้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จนได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภา

ขณะที่ก่อนหน้านั้น 'ประยุทธ์' ในวัย 72 ปี คัมแบ็คกลับมา ลงเลือกตั้ง ส.ส.อีกครั้งในการเลือกตั้งซ่อม เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2553

โดยชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 111,394 คะแนน เฉือนชนะคู่ต่อสู้คนสำคัญอย่าง 'นางคมคาย อุดรพิมพ์' ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย ที่ได้คะแนนรองลงมา 110,158 คะแนน เป็นการเฉือนชนะเพียง 1,236 คะแนนเท่านั้น


26239752_10157459674884848_3772251255406497321_n.jpg

สำหรับ 'ประยุทธ์' เป็นคนอำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามโดยกำเนิด มีประสบการณ์ทางการเมืองโชกโชน ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. มาตั้งแต่ปี 2522 ผ่านการดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคกิจสังคม ในช่วงที่นายมนตรี พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรค 

อีกทั้งยังเคยได้รับแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์  เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมในรัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย

ส่วนทายาททางการเมืองของนักการเมืองรุ่นเก๋าคนนี้ คือ 'จิราวัฒน์ ศิริพานิชย์' บุตรชาย ซึ่งเป็น ส.ส. 2 สมัยในนามพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย

ปี 2556 ช่วงปลายรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  'ประยุทธ์ ศิริพานิชย์' ได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ฉบับของ 'วรชัย เหมะ' 

ครั้งนั้น เป็นผู้ที่แปรญัตติในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 เปลี่ยนถ้อยคำในมาตรา 3 ทำให้ถูกมองว่าเป็นการนิรโทษกรรมจาก 'ครึ่งซอย' สู่ 'สุดซอย' จนถูกนำไปปลุกกระแสว่าเป็นการล้างผิดให้กับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 


000_Hkg8864402.jpg

กลายเป็นจุดชนวนความขัดแย้งครั้งสำคัญ ลุกลามจากในรัฐสภา จนบานปลายออกมาไปสู่การเมืองนอกรัฐสภา ปลุกให้เกิดม็อบ กปปส. ขึ้นมาชัตดาวน์ 'กรุงเทพฯ' จนนำไปสู่การยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556

ความขัดแย้งนอกรัฐสภา ไม่อาจนำไปสู่การเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาลได้ จนบานปลายกลายเป็นชนวนเรียก 'ทหาร' ออกมายึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

ถ้อยคำล่าสุดที่ออกมาจาก 'ประยุทธ์' ที่ ส.ส.อีสาน เลือกให้เขาเป็นตัวแทนเพราะด้วยความอาวุโสทางการเมือง ซึ่งระบุตอนหนึ่งต่อหน้าแกนนำพรรคว่า

"ความในใจที่ยืนยันว่าไม่ใช่ความนอกใจ เรายืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านทั้งหลาย เราพูดคุยกันในฐานะเพื่อนฝูงเมื่อมีโอกาส ไปเจองานแต่ง งานบวชบ้าง ไปเจองานประเพณีอื่นๆบ้าง เราก็พูดจากันว่า สถานะของพี่น้องชาวอีสานถูกสังคมทางการเมืองจับตามอง ว่าจะอยู่หรือจะไป เป็นพื้นที่แข่งขันสูง เป็นพื้นที่กระสุนตก เป็นพื้นที่แย่งชิงการเมืองสูง เพราะเป็นภาคใหญ่"


1515572722891.jpg

รวมทั้งถ้อยคำที่ว่า "ผมเรียนท่านหัวหน้าแทนเพื่อนสมาชิก 100 กว่าชีวิต ที่มาและไม่ได้มาว่า พวกผมขอยืนหยัดที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคที่นี่"

แม้จะมีข่าวลือหนาหูจะถูกดูดไปอยู่กับ 'พรรคทหาร' ภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน ซึ่งออกแบบมาให้เกิดรัฐบาลผสม มี ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองก็ตาม

ทว่าคำประกาศดังกล่าว เป็นการส่งสัญญาณการันตีแทน ส.ส.อีสาน 'เพื่อไทย' ว่าจะร่วมกอดคอกับพรรคต่อสู้ในศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป หากใครจะคิดทรยศต่อพรรค อาจเจอบทเรียนในอดีตที่ต้องสอบตก ส.ส. ได้