สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายการปรับลดโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ หนึ่งในนโยบายหลักที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนและภาคธุรกิจในการจ่ายภาษีที่น้อยลง เพื่อนำเงินมาสนับสนุนอุตสาหกรรมและธุรกิจอื่นๆในประเทศ
การโหวตผ่านร่างกฎหมายปฏิวัติโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ของสหรัฐฯเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่นายทรัมป์ เดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อโน้มน้าวให้ส.ส.เร่งผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้
อย่างไรก็ตาม มีผู้ไม่เห็นด้วยกับแผนปรับฐานภาษีดังกล่าวเพราะมี 1 เสียงจากพรรครีพับลิกันเองที่โหวตไม่เห็นด้วย รวมถึงเสียงคัดค้านจากฝั่งพรรคเดโมแครตที่ชี้ว่าการปรับลดฐานภาษีนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบรรดาอภิมหาเศรษฐีชาวอเมริกันเท่านั้น และไม่ได้ส่งผลดีต่อชนชั้นกลางมากนัก ซึ่งถือเป็นการผลักดันที่มีความเสี่ยงสูงมากและเป็นบททดสอบสำคัญทั้งต่อตัวประธานาธิบดีเอง และส.ส.ในรัฐสภา เนื่องจากเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 1986
ด้านนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯกล่าวว่า การผ่านร่างกฎหมายครั้งนี้คือความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ ด้านนางซาราห์ ฮักกาบี แซนเดอร์ โฆษกทำเนียบขาวก็ระบุว่าโครงสร้างภาษีใหม่นี้ถูกปรับให้มีความซับซ้อนน้อยลง มีความยุติธรรมต่อผู้เสียภาษี และเพิ่มศักยภาพของประเทศในการแข่งขันกับนานาชาติ ซึ่งจะผลักดันให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯโตอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น