ไม่พบผลการค้นหา
กองทัพเมียนมาประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉิน" 1 ปี พร้อมตั้งนายพลรักษาการประธานาธิบดี อ้างการเลือกตั้งไม่โปร่งใส

สถานีโทรทัศน์เมียวดี สื่อกระบอกเสียงของกองทัพเมียนมารายงานว่า กองทัพประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี เพื่อรักษาซึ่งความมั่นคงของรัฐ พร้อมแต่งตั้งพล.อ มินต์ ส่วย เข้ารักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีแทน โดยอ้างการเข้าควบคุมอำนาจว่าเนื่องจากรัฐบาลพลเรือนและคณะกรรมการการเลือกตั้งล้มเหลวในการตรวจสอบทุจริตการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือน พ.ย. 2563

กองทัพระบุในประกาศภาวะฉุกเฉินว่าอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อาวุโส มินอ่องหลายน์ พร้อมประกาศว่าจะควบคุมอำนาจประเทศเป็นเวลา 1 ปีโดยอ้างมาตรา 417 ของรัฐธรรมนูญปี 2551

ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีผลนับจากนี้ไป 1 ปี ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ของวันที่ 1 ก.พ.2564 เป็นต้นไป

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากช่วงเช้าตรู่ มีรายงานว่ากองทัพได้เข้าควบคุมตัว อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, อู่ วินมินห์ ประธานาธิบดี และแกนนำระดับสูงของพรรคเอ็นแอลดี รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการบริหารกลางของพรรคฝ่ายนิติบัญญัติ และสมาชิกคณะรัฐมนตรีระดับภูมิภาคต่างถูกควบคุมตัวด้วยทั้งหมด

การรัฐประหารนี้เกิดขึ้นครั้งแรกหลังจาก 5 ปีของการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลซูจี

มีรายงานว่าสัญญานโทรศัพท์ถูกตัดขาด สื่อโทรทัศน์ วิทยุ ถูกระงับออกอากาศ เหลือเพียงอินเทอร์เน็ตที่ยังคงใช้การได้ในบางพื้นที่เท่านั้น โดยเอเอฟพีรายงานว่า พบเห็นกองกำลังทหารเมียนมาจำนวน 5 คันรถ เข้าควบคุมศาลากลางนครย่างกุ้ง เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังมีรายงานนางซูจีถูกควบคุมตัว


นานาชาติคัดค้าน

ด้านเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ คัดค้านความพยายามใดก็ตามที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกต้้งเมื่อไม่นานนี้ หรือขัดขวางกระบวนการเปลี่ยนผ่านตามระบบประชาธิบไตย และจะดำเนินการกับผู้มีส่วนรับผิดชอบหากสถานการณดังกล่าวไม่ย้อนกลับ

เช่นเดียวกับ สก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แสดงความกังวลต่อสถานการณ์เมียนมาว่า "ออสเตรเลียสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของเมียนมาอย่างยาวนาน รวมถึงการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ออสเตรเลียและชาติพันธมิตรขอคัดค้านค้านความพยายามใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง ทั้งเรียกร้องให้กองทัพยึดมั่นหลักประชาธิปไตย และต้องปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ที่มา : AP , White House