นอกจากรายงานประชาชนถูกสังหารและเผา 35 ศพ ในรัฐกะยาของเมียนมาแล้ว เจ้าหน้าที่จากองค์กรด้านมนุษยธรรมไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Save the Children 2 ราย จากเหตุการณ์โจมตีรถดังกล่าวยังคงหายตัวไป อย่างไรก็ดี สื่อสารมวลชนท้องถิ่นในเมียนมาระบุว่า ผู้เข้าทำการโจมตีและสังหารประชาชนคือกองทัพเมียนมา
“ผมขอประณามเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้และการโจมตีต่อประชาชนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระดับนานาชาติ” มาร์ติน กริฟฟิธส์ เลขาธิการกิจการมนุษยธรรมประจำสหประชาชาติระบุในแถลงการณ์ส่วนตัว ก่อนเรียกร้องให้ “ทางการ(เมียนมา)เริ่มกระบวนการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดและโปร่งใสโดยทันที”
“ยิ่งไปกว่านั้น ผมขอให้กองทัพเมียนมาและกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในเมียนมาที่จะยกระดับมาตรการทุกด้านเพื่อปกป้องพลเรือนจากภัยอันตราย” กริฟฟิธส์ระบุเพิ่มเติม
นอกจากนี้ สถานทุตสหรัฐฯ ประจำเมียนมาได้ออกแถลงว่า สหรัฐฯ รู้สึกตกใจกับ “การโจมตีอันป่าเถื่อนในรัฐกะยา ซึ่งได้สังหารพลเรือนอย่างน้อย 35 รายรวมถึงผู้หญิงและเด็ก เราจะเดินหน้ากดดันเพื่อหาความรับผิดชอบของผู้กระทำความผิดที่กำลังเดินหน้าใช้ความรุนแรงต่อประชาชนชาวพม่า”
เหตุการณ์สังหารหมู่และเผา 35 ศพในวันคริสต์มาสอีฟ หรือ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ถูกสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่าอาจเป็นการโจมตีของกองทัพเมียนมาเอง ทั้งนี้ มีภาพปรากฏศพที่ถูกเผาอยู่หลังรถบรรทุก 3 คัน โดนจากการรายงานของ Save the Children ระบุว่า รถทั้งหมดถูกใช้เพื่อรับส่งประชาชนและเจ้าหน้าที่ขององค์กรในช่วงวันหยุดยาว
ปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตจากผลพวงของการรัฐประหารในเมียนมา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแล้วอย่างน้อย 1,300 ราย ในขณะที่ประชาชนชาวเมียนมาได้ร่วมกันจัดตั้งกองกำลังป้องกันของประชาชน (PDF) เพื่อโจมตีตอบโต้และต้อต้านการรัฐระหารของกองทัพเมียนมาอยุ่ในทุกวันนี้
รูปภาพ: KNDF/AP
ที่มา:
https://www.nytimes.com/2021/12/26/world/asia/myanmar-army-killings.html