ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.ประชาชาติ แถลงโต้กลุ่มสุดโต่ง ยืนยันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารองค์กรอิสลาม-ฮัจย์-ฮาลาล ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นธรรมนูญของมวลมนุษยชาติทั่วโลก ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง

วันที่ 9 ก.พ. 2566 ส.ส.พรรคประชาชาติ ประกอบด้วย สมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี เขต 4 , กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส เขต 4 , กูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส เขต 3 และ ดร.อับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา เขต 3 พรรคประชาชาติ ได้แถลงข่าวที่รัฐสภา โต้ตอบกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวต่อต้านศาสนาอิสลาม โดยล่าสุดได้มายื่นหนังสือให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณายกเลิกกฎหมาย 4 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนผู้นับถือศาสนาอิสลาม ประกอบด้วย พ.ร.บ. บริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 , พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ.2524 , พ.ร.บ.ฮัจย์ พ.ศ.2559 , พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และการรับรองตราฮาลาลโดยสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย อีกทั้งยังได้กล่าวจาบจ้วง ดูหมิ่นต่อพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานอย่างรุนแรงว่ามีคำสอนที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติด้วย

กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนที่รัฐสภา ยืนยันว่า กฎหมาย พ.ร.บ. บริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 , พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ.2524 และการรับรองตราฮาลาล ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

กมลศักดิ์ กล่าวว่า “การเข้ามายื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ถึงแม้เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ประเด็นการตรวจสอบว่ากฎหมายฉบับใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อการดำรงชีวิตของคนในพื้นที่ ซึ่งพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 ยังมีความจำเป็นต่อประชาชน โดยเฉพาะผู้นับถือศาสนาอิสลาม เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ผู้นำศาสนา โต๊ะอิหม่าม โต๊ะบิหลั่น เป็นการแต่งตั้งเพื่อการดูแลกิจการทางศาสนาของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม รวมถึงการประกอบพิธีฮัจย์ที่นครเมกกะได้โดยสะดวก สำหรับประเด็นการเรียกร้องให้มีการถอดถอนเครื่องหมายฮาลาลเนื่องจากเห็นว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยของคนศาสนาอื่นนั้น ก่อนหน้านี้ศาลได้มีการตัดสินแล้วว่าเครื่องหมายฮาลาล ไม่ได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และสิ่งที่พรรคประชาชาติจะต้องปกป้องคือ ข้อกล่าวหาที่พูดถึงพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ที่มีมา 1,444 ปี เป็นคำดำรัสของพระผู้เป็นเจ้า และประชาชนหลายประเทศทั่วโลกก็ได้ยึดถือคำสอนในพระคัมภีร์อัลกุรอานมาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทยแต่อย่างใด โดยพรรคประชาชาติขอยืนยันว่าจะปกป้องสิทธิเหล่านี้ให้กับประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม และพรรคประชาชาติส่งเสริมพหุวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันทุกศาสนาในสังคมได้

ขณะที่แกนนำกลุ่มสุดโต่งที่อ้างชื่อกลุ่มว่า อปพส. นำโดยประพันธ์ กิตติฤดีกุล ได้ยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ประธานสภาผู้แทนราษฎรมิได้มารับหนังสือด้วยตนเอง ประพันธ์ กล่าวว่า “ได้มายื่นหนังสือให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบกฎหมาย 4 ฉบับดังกล่าวจะเป็นอันบังคับใช้มิได้ และแจ้งคำสอนร้ายแรงในคัมภีร์อัลกุรอานที่สอนให้ฆ่าคน ตัดคอคน ตัดแขน ตัดขา ตัดนิ้วมือ นิ้วเท้า ผู้ที่ไม่ศรัทธาต่อพระเจ้า เป็นภัยร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยพุทธและคณะสงฆ์ และแจ้งภัยร้ายแรงอันเกิดจากกิจการฮาลาลที่อ้าง พ.ร.บ.อิสลาม พ.ศ. 2540 จนสร้างความเดือดร้อนต่อคนไทยทั้งประเทศที่เป็นคนไทยพุทธ ทำให้สูญเสียเงินมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี ยังเป็นผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ วิถีชีวิตของคนไทยพุทธ และคณะสงฆ์ไทย ที่เกิดจากสินค้าฮาลาล สินค้าฮาลาลขัดกับวิถีพุทธ เพราะการทานอาหารฮาลาลต้องฆ่าสัตว์อย่างทารุณ ละเมิดสิทธิ เพราะต้องฆ่าสัตว์ในขณะที่มีชิวิต ตรงข้ามกับพระพุทธศาสนา ซึ่งหากคนไทยพุทธทานอาหารนี้จะบาปด้วย แจ้งสิทธิพิเศษที่มุสลิมได้รับมากกว่าคนไทยพุทธและคณะสงฆ์ และสุดท้ายเตือนความไม่ปลอดภัยที่กบฏมุสลิมมีแผนคิดจะยึดประเทศไทย ตามแผนตาลาตีตำปง 49 ข้อ”