ปูตินระบุว่า การปฏิบัติการทางการทหารในครั้งนี้ของรัสเซียในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน เป็นการที่รัสเซียได้เข้าไปปกป้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งปูตินยังได้ระบุอีกว่า สหรัฐฯ และชาติตะวันตกได้เมินเฉยต่อคำขอของรัสเซีย ที่จะรับประกันไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) และรับประกันความมั่นคงให้แก่ทางรัสเซีย
อย่างไรก็ดี ปูตินย้ำว่า รัสเซียไม่มีความต้องการในการเข้ามายึดครองยูเครน ในขณะที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวหาว่ารัสเซียได้เริ่มทำการรุกรานยูเครนอย่าง “ไร้เหตุผลและไร้ความชอบธรรม” และประชาคมโลกต้องการให้ “รัสเซียรับผิดชอบ” กับการรุกรานดังกล่าวต่อยูเครน
ทั้งนี้ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาแถลงในครั้งล่าสุด เพื่อเรียกร้องไปยังประชาชนรัสเซียที่จะ “รับฟังเสียงแห่งเหตุผล” และช่วยกันหยุดยั้งสงครามในครั้งนี้ที่ประธานาธิบดีของชาวรัสเซียได้เริ่มประกาศขึ้น อย่างไรก็ดี ยูเครนได้เริ่มประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 30 วัน ในขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของยูเครนได้ระบุว่า “การรุกรานยูเครนได้เริ่มขึ้นแล้ว”
เซเลนสกีระบุว่า ตนเองได้พยายามต่อสายตรงไปหายังปูตินเพื่อพูดคุยกันในประเด็นความขัดแย้งแล้ว อย่างไรก็ดี เซเลนสกีอ้างว่าปูตินไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ของตน “วันนี้ผมได้ต่อสายโทรศัพท์กับประธานาธิบดีรัสเซีย ผลที่ได้มาคือความเงียบงัน”
ขณะที่ปูตินกำลังแถลงเริ่มปฏิบัติการทางการทหารในยูเครนนั้น มีรายงานข่าวระบุพบเสียงระเบิดในกรุงเคียฟ เมืองคาร์คิฟ และเมืองอื่นๆ ในยูเครน ทั้งนี้ ปูตินได้แถลงขอให้ทหารและอาสาสมัครรบของยูเครน “วางอาวุธลงทันทีและเดินทางกลับบ้าน” โดยการที่รัสเซียได้เริ่มรุกรานยูเครนในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในโดเนตสค์และลูฮันสค์ของยูเครนร้องขอความช่วยเหลือจากทางรัสเซีย
เซเลนสกีระบุต่อประชาชนของตนเองว่า “ประชาชนชาวยูเครนและรัฐบาลของยูเครนต้องการสันติภาพ แต่หากเราโดนโจมตี ถ้าเราเจอกับความพยายามในการแย่งชิงประเทศของเรา อิสรภาพของเรา ชีวิตของเรา และชีวิตของลูกๆ ของพวกเรา เราจะปกป้องตัวเอง เมื่อคุณโจมตีพวกเรา คุณจะประจันหน้ากับเรา ไม่ใช่แผ่นหลังของเรา”
เมื่อวานนี้ (23 ก.พ.) สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรได้ประกาศการคว่ำบาตรรัสเซียไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะมีการเตือนรัสเซียว่า ชาติตะวันตกพร้อมที่จะยกระดับมาตรการการคว่ำบาตรเพิ่มเติมแน่นอน หากรัสเซียยังคงเดินหน้าการรุกรานยูเครน อย่างไรก็ดี ปูตินระบุว่าการส่งกองทัพของรัสเซียเข้าไปยังพื้นที่ตะวันออกของยูเครน เป็นเพียงแค่การส่งกองกำลัง “รักษาสันติภาพ” เท่านั้น
ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดของ Maxar เปิดเผยว่า กองทัพของรัสเซียและยุทโธปกรณ์ต่างๆ ได้เข้าประชิดพรมแดนยูเครนแล้วในระยะห่างไม่ถึง 16 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองคาร์คิฟ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของยูเครนออกไปเพียงแค่ 80 กิโลเมตรเท่านั้น โดยในตอนนี้ ยูเครนได้ประกาศปิดน่านฟ้าของตนเอง ท่ามกลางกระแสการรายงานพบเครื่องบินรบของรัสเซียที่เริ่มออกบินทำปฏิบัติการทางการทหารแล้วด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ยูเครนได้ส่งคำร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมด่วน เพื่อพูดคุยกันในประเด็นวิกฤตและการยกกำลังของรัสเซียเข้ามาในยูเครน และเรื่องราวอาจดูเป็นตลกร้ายเมื่อหนึ่งในคณะมนตรีความมั่นคงถาวรเองคือรัสเซีย
ที่มา: