ไม่พบผลการค้นหา
'ส.ส.ก้าวไกล' กังขาเครื่องบินรบเมียนมารุกน่านฟ้าไทย รัฐบาลรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ เหตุส่งแม่ทัพภาค 3 ประชุมร่วม 'มิน ออง ลายน์' จวก ทอ. ไร้ศักยภาพป้องกันอธิปไตย

วันที่ 1 ก.ค. 2565 ที่อาคารรัฐสภา มานพ คีรีภูวดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีเครื่องบินรบ MIG26 ของกองทัพเมียนมา บินรุกล้ำน่านฟ้าไทย เมื่อวาน (30 มิ.ย. 65) เมื่อเวลา 11:30 น. ซึ่งข้อมูลจากเครือข่ายในพื้นที่เผยว่า เครื่องบินรบพม่าไม่ได้เข้ามาเพียงรอบเดียว แต่ก่อนช่วง 11:00 น. ได้มีการบินโฉบมา 1 ครั้งแล้ว สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชน และครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นไม่ห่างกันในระยะเวลา 20 นาที ระยะเวลา 3 รอบที่มีการรุกล้ำอธิปไตยในน่านฟ้าไทย กองทัพอากาศไทยที่ประกาศแสนยานุภาพ ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร

มานพ ยังกล่าวว่า กองทัพเมียนมาไม่สามารถที่จะบินเข้าไปยังพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงได้ จึงต้องอ้อมมายังน่านฟ้าไทย จึงต้องตั้งคำถามสำคัญว่าเป็นการรู้เห็นเป็นใจของกองทัพไทยหรือไม่ 

โดยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ก่อนจะมีการโจมตี 1 วัน พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 แม่ทัพภาค 3 ของไทย ได้มีการไปประชุมหารือที่กรุงเนปิดอว์ โดยเข้าพบ พล.อ.มิน ออง ลายน์ นายกรัฐมนตรีเมียนมา เหตุการณ์เช่นนี้ชวนให้สงสัยว่า รัฐบาลไทยมีความรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ที่เปิดให้เครื่องบินรบของประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในเขตน่านฟ้าไทย

“ทั้งที่เป็นการรุกล้ำความมั่นคงถึง 3 ครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับอย่างทันท่วงที แล้วทีกรณีพี่น้องนักศึกษาแสดงความเห็นบอกเป็นภัยความมั่นคง นี่ต่างหากที่เป็นภัยความมั่นคงของจริง หรือจะใช้เป็นเงื่อนไขในการจัดซื้อเครื่องบินรบ F-16” มานพ กล่าว

มานพ ย้ำว่า ประเทศไทย ในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียน ควรมีบทบาทเสนอแนวทางยุติความรุนแรง นับตั้งแต่การรัฐประหารในเมียนมา ที่ส่งผลกระทบต่อชายแดนไทยในหลายจังหวัด แต่ยังไม่เห็นท่าทีของรัฐบาลไทยแสดงออกถึงการพยายามให้เกิดสันติภาพในนามของประเทศเพื่อนบ้าน และสมาชิกอาเซียน

ขณะที่ คำปอง เทพากร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสริมว่า จนเวลานี้ ยังไม่เห็นท่าทีของทางการไทยในการแจ้งเตือนไปยังเมียนมาว่าการรุกล้ำครั้งนี้ เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานความมั่นคงหรือกองทัพเข้าไปจัดตั้งจุดแจ้งเตือนให้ทางการพม่า รวมถึงการตัดสินใจที่ล่าช้าของกองทัพอากาศในการนำเครื่องบิน F-16 ขึ้นไปสกัดกั้น