ไม่พบผลการค้นหา
มอง 'เศรษฐา' ปรึกษา 'อดีตนายกฯ' เป็นเรื่องดี 'ชญาภา' ชี้ ผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชน

ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าพบ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2567 และถูกเปรียบเปรยว่ามีนายกรัฐมนตรี 2 คน 3 คน ว่า เศรษฐา เป็นผู้ที่เปิดกว้างรับฟังความเห็นที่หลากหลาย

นอกจากการลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศด้วยตัวเองแล้ว เศรษฐายังได้พบปะพูดคุยกับอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน ซึ่งแม้ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยหลายประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา ในปี 2553 บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เข้าพบ บิล คลินตันอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อปรึกษาหารือถึงมาตรการทางเศรษฐกิจ หรือในปี 2532 จอร์จ ดับเบิลยู บุช หารือกับ จิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวกับสถานการณ์การเลือกตั้งระดับชาติในสาธารณรัฐปานามา 

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหาก เศรษฐา จะมีการพูดคุยปรึกษา ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย และมีผลงานการบริหารประเทศที่เป็นคุณูปการต่อประเทศมากมาย ประสบการณ์ความรู้ ความสามารถเป็นที่ประจักษ์รับรู้ทั้งในไทยและทั่วโลก

ชญาภา กล่าวอีกว่า ขณะที่การพูดคุยหารือกับ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องปกติเพราะทำงานร่วมกันมาตั้งแต่มีการรณรงค์เลือกตั้งในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน ประกอบกับ แพทองธารเอง สวมหมวกรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ผลักดันโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นหนึ่งในทีมรัฐบาล จึงต้องมีการพูดคุยหารือทำงานร่วมกันเสมออยู่แล้ว

ทั้งนี้ เศรษฐา เป็นอดีตนักบริหารธุรกิจชั้นนำของประเทศมากว่า 30 ปี สามารถนำพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤติต้มยำกุ้งมาได้และยังทำให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องกลายเป็น 1 ใน 5 บิ๊กบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของไทย ประสบความสำเร็จ มีความสามารถและมีความเป็นมืออาชีพ และยังพร้อมรับฟังคำแนะนำจากทุกฝ่าย ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง

“การที่นายกรัฐมนตรีหารือกับอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งผู้นำต้องรับฟังความเห็นหลากหลายทั้งจากประชาชน และผู้มีประสบการณ์ โดยเฉพาะหากนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีความความมุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงาน ได้หารือกับ ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้มีองค์ความรู้และมีประสบการณ์บริหารประเทศมาก่อน จะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนงาน สุดท้ายผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชน” ชญาภา กล่าว