โครงการหวยบนดินในขณะนั้น สามารถขจัดอิทธิพลมืดและสร้างรายได้ให้กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวนมาก มีการแบ่งสัดส่วนรายได้จากการขายหวยบนดินกระจายไปยังภาคส่วนต่างๆ อย่างชัดเจน โดยสมทบเข้ากองทุนจ่ายเงินรางวัล ค่าดำเนินการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แบ่งไปยังการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ให้ทุนการศึกษานักเรียนต่างจังหวัดมีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศ หรือที่เรียกว่าโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS ) ซึ่งเป็นการนำเอา "ความหวังของคนยากจน" มาสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับคนยากจน สร้างทุนมนุษย์ สร้างความเจริญให้กับบ้านเกิดและประเทศได้อย่างมหาศาล มีการจัดสัปดาห์วิทยาศาสตร์ โครงการประกวดเรียงความ ฯลฯ แต่ละเดือนยังมีเงินเหลืออย่างน้อย 700 ล้านบาท หรือปีละ 8,400-10,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ในมือของเจ้ามือหวยและส่งส่วยผู้มีอิทธิพล
สุดท้ายโครงการถูกระงับไป และยังถูกดำเนินคดีโดยคณะกรรมการอิสระที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารอย่างคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก่อนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ในปี 2549 รัฐบาลหลังจากการยึดอำนาจยังได้ดำเนินการขายหวยบนดินต่อ ทั้งที่การแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลากฯ ยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่มีการดำเนินคดีกับรัฐบาลในขณะนั้นเหมือนที่ดำเนินการเอาผิดกับรัฐบาล ดร.ทักษิณ แต่อย่างใด
อรุณี กล่าวอีกว่า หากหวยบนดินของรัฐบาลทักษิณ ยังอยู่ รายได้เข้ารัฐอาจมีมากกว่า 1 แสนล้านบาท เด็กไทยในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพจะถูกมองเห็นและได้มีโอกาสไปเรียนต่อยังต่างประเทศอีกหลายร้อยคน ทั้งหมดคือโอกาสที่เสียไปของประเทศทั้งสิ้น
อรุณี ได้ตั้งคำถามด้วยว่า อยากทราบว่าวัตถุประสงค์ของการฟื้นหวยบนดินนั้น เป็นเพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ต้องการหารายได้เสริมเติมจุดอ่อนของตนที่ไม่มีความรู้ความสามารถที่จะสร้างงาน สร้างโอกาส หรือสร้างนโยบายใหม่ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หารายได้เข้าประเทศใช่หรือไม่ ต้องการหารายได้เพื่อใช้หนี้สาธารณะที่ตนเองได้ก่อขึ้นเกือบ 10 ล้านล้านบาท และเป็นหนี้ที่กู้มาแจกทั้งสิ้น ใช่หรือไม่
"8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นยุคหวยแพงเฟื่องฟู เงินกู้ (ออนไลน์) เกลื่อนกราด บ่อนพนันมีมาก ยาบ้าถูกกว่ายาแก้ปวด เพราะความรู้ความสามารถของผู้นำประเทศเราไม่มี ถึงแม้ว่าพลเอกประยุทธ์ มักจะรู้สึกฉุนเป็นพิเศษที่มีใครพูดว่าทำนโยบายเหมือน ดร.ทักษิณ อยากจะบอกพลเอกประยุทธ์ว่า นโยบายที่ท่านทำอยู่ตอนนี้ทุกโครงการเหมือนของ ดร.ทักษิณเกือบทั้งหมด เราย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน หรือเพื่อไทย ยินดีหากใครจะนำนโยบายดีๆ ของเราไปดำเนินการสานต่อ แต่เมื่อทำแล้วก็ช่วยทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าหารายได้ไม่เป็นก็หยิบเอาโครงการเดิมของเรามาทำ อ้างประชาชน แต่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์" อรุณี กล่าว
ด้านชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถามนายฯ ฟื้นหวยบนดินนั้น เป็นเพราะรัฐบาลต้องการหารายได้เพื่อใช้หนี้สาธารณะหรือไม่ และเชื่อถ้าหวยบนดินยุคนายทักษิณ ชินวัตร ยังอยู่ รายได้จะเข้ารัฐเป็นแสนล้าน เด็กไทยได้ไปเรียนเมืองนอกอีกหลายร้อยคน โดยนายชนะศักดิ์กล่าวชี้แจงว่าที่ผ่านมาภาครัฐได้หามาตรการต่างๆ ออกมาแก้ไขปัญหาราคาสลากแพง เพื่อช่วยให้ประชาชนซื้อสลากได้ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งได้เดินมาถูกทางแล้ว
ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจงแล้วภายในปีนี้จะมีการออกผลิตภัณฑ์สลากตัวเลข 3 หลัก จะคล้ายกันกับหวยใต้ดิน 2 ตัว 3 ตัว อยู่ระหว่างการดำเนินการ ก่อนจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าจะมีการพิจารณาอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย เช่นเดียวกันกับการออกหวยบนดินในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ
“สมัยที่นายทักษิณออกหวยบนดิน แล้วเอามาอ้างว่าจะนำรายได้ไปใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ของเยาวชน แต่สุดท้ายถูกดำเนินคดี เพราะได้เร่งรัดให้มีการออกสลากพิเศษหวยบนดิน แม้จะมีการทักท้วงว่าการออกสลากดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีกลับไม่ได้มีการยับยั้ง จนทำให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้การบริหารงานขาดทุน ทำให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้ผู้ที่ถูกรางวัล ขณะเดียวกันเงินรายได้กว่า 80% ที่สมทบเข้ากองทุนจ่ายเงินรางวัล และส่วนหนึ่งต้องนำกลับคืนสู่สังคมนั้น มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
“ดังนั้นทำให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลยุคเพื่อไทย ไม่ได้ตั้งใจที่อยากจะทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยแท้จริง ซึ่งนางสาวอรุณี อย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองเหมือนที่พรรคเพื่อไทยทำ อย่าใช้นิสัยฝ่ายค้านที่ดีแต่จะค้านทุกเรื่อง ไม่หันไปศึกษาย้อนอดีตที่พรรคตนเองทำเสียหายไว้อย่างไร ตรงกันข้ามรัฐบาลชุดนี้มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง ไม่เหมือนรัฐบาลนายทักษิณ –นางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ทำอะไรก็มองเห็นแต่คนในครอบครัวและพวกพ้องญาติพี่น้องได้รับอานิสงส์กันทั่วหน้า" นายชนะศักดิ์ กล่าว