วันที่ 20 พ.ย.66 เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ซ.อารีย์ ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง กรณีที่รัฐบาลจะออก พรบ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทมาแจกให้ประชาชนทั่วประเทศประมาณ 50 ล้านคน ๆ ละ 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
โครงการดังกล่าวแม้รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังจะได้แถลงเป็นนโยบายต่อต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2566 แล้วแต่ทว่ากลับไม่สอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.162 บัญญัติไว้แต่อย่างใด
อีกทั้งการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทมาแจก มิได้เป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่นคงอย่างยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ถือได้ว่าเป็นการดำเนินการที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.62 วรรคแรก และไม่เป็นเหตุเร่งด่วนตามรัฐธรรมนูญ ม.140 ประกอบ พรบ.วินับการเงินการคลังของรัฐ 2561 ม.53 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลจะกู้เงินได้ก็แต่เฉพาะเข้าเงื่อนไข 4 ข้อเท่านั้น คือ 1)ต้องเร่งด่วน 2)ต้องต่อเนื่อง 3)ต้องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ และ 4)ต้องไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน เท่านั้น
การที่ เศรษฐา และพลพรรคเพื่อไทยรีบเร่งในการผลักดันนโยบายดังกล่าว ทั้งๆที่บอกมาโดยตลอดว่าจะไม่กู้ แต่กลับอ้างปัญหาเศรษฐกิของประเทศนั้น ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลบล้างหรือฝ่าฝืนกฎหมายได้ หากแต่มีความมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่ได้เคยหาเสียงไว้เท่านั้น ซึ่งหากปล่อยไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาวได้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 ม.245 บัญญัติไว้ว่า เพื่อประโยชน์ในการระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเสนอผลการตรวจสอบการกระทําที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรงต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.)เพื่อพิจารณา และหากคณะกรรมการ คตง.เห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบดังกล่าว ให้ปรึกษาหารือร่วมกับคณะกรรมการ กกต. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากที่ประชุมร่วมเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบนั้น ให้ร่วมกันมีหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อประชาชนเพื่อทราบด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าวองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องรีบนำความมาร้องต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้ปฏิบัติให้เป็นไปตาม ม.245 ข้างต้นโดยเคร่งครัด เพื่อระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐต่อไป