วันที่ 24 มี.ค. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้พูดคุยกับ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ แกนนำกลุ่มราษฎร ซึ่งจะมีภาพแบบนั้นเกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า ต้องดูว่าพบกันแล้วได้อะไร ถ้าพบกันแล้วเพื่อการเมืองอย่างเดียว คิดว่าไม่จำเป็นต้องพบใคร
เพราะพบทุกวันอยู่แล้ว ไม่ได้มุ่งหวังทางการเมือง สิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศชาติก็มีกฎหมาย หากเราระมัดระวังตัวไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือล่อแหลมก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องไปวุ่นวายเรื่องการนิรโทษอะไรต่างๆ เราไม่ใช่รัฐบาลที่เหมือนที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย และการบังคับใช้กฎหมายก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนกับที่หลายคนพูด ที่ผ่านมาพอเราระมัดระวัง ผ่อนผัน กับเด็กและเยาวชน อีกฝ่ายก็บอกว่ารัฐบาลปล่อยปละละเลย ทำไมไม่ทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพราะมันมี 2 ฝั่ง มีข้อขัดแย้ง
พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนบริหารงานมา 8 ปี และ 4 ปีหลัง ตนไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่ายเบาลงหรือ นี่คือสิ่งที่ทุกคนอาจจะลืม ซึ่งไม่มีใครทำให้หยุดได้ หากประชาชนไม่หยุดกันเอง ตนพยายามประคับประคองทั้ง 2 ทางให้เกิดความสมดุล
ขณะเดียวกัน ต้องดูคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างที่ตนได้บอกแล้วว่าคนไทย ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนของประเทศ หากเปรียบเทียบประเทศไทยการบริการในครม. เป็นบริษัทห้างร้าน วิสาหกิจ ผู้ถือหุ้นของรัฐบาลคือคนไทยทั้งประเทศทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจน เราต้องบริหารให้เขา ให้ประเทศของเรา ประชาชนของเรา หน้าที่ของรัฐบาล ผู้นำรัฐบาล ครม. ทุกกระทรวงที่มาจากหลายแหล่ง
ไม่อยากให้หลายอย่างพังทลายไปทั้งหมด เพราะเราสร้างสิ่งดีๆขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งทำเยอะ ปัญหาก็เยอะ แต่ต้องดูว่าที่ผ่านมา ทำไปแล้วเกิดประโยชน์ กับประเทศชาติหรือประชาชนหรือไม่ ซึ่งถ้าตนอยู่เฉยๆก็คงไม่เจอปัญหาแบบนี้ คงไม่ปวดหัวด้วย ปล่อยไป ใครอยากทำอะไรก็ทำไป เช่นที่เคยผ่านมา ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรมมากนัก ตนจำเป็นต้องพูด ไม่เช่นนั้นประชาชนไม่เข้าใจ
ดังนั้นขอฝากสื่อไว้ด้วยก็แล้วกัน ถ้าอยากทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ให้มีอนาคต ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาชอบตน รักตน ไม่ใช่ ประชาชนคือกลไกหลักในการทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า นายกฯ และครม.เป็นเพียงผู้รับสิ่งต่างๆเข้ามาพิจารณาและดำเนินการให้สอดคล้องความต้องการของประชาชน นำไปสู่การพัฒนาประเทศ วันนี้ไม่ใช่จะมาแตกแยกกันอีก มันไม่มีความขัดแย้งอะไรขนาดนั้น
“เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้นำเรื่องนี้ไปหาเสียงกันมากนัก นั่นคือปัญหาแล้วล่ะ มันคือการจุดชนวนขึ้นมา เพราะตอนนี้หลายคนมีความสุขดี ประชาชนไม่ได้เดือดร้อน และอยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายด้วยไม่ใช่หรือ หากเรายังคงพูดถึงแบบนี้ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นมา อย่าไปสร้างปัญหาขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นปัญหาเก่าต้องแก้ด้วยความเข้าใจ แก้ด้วยกระบวนการยุติธรรม ไม่มีใครแกล้งหรอก เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต้องได้รับความยุติธรรม"