ไม่พบผลการค้นหา
วงเสวนาผ่าตัดงบฯ รวมพลังสร้างกรุงเทพฯ 'สุดารัตน์' ชี้ไร้ตัวแทนประชาชน ทำให้กรุุงเทพฯ เสียโอกาส ซัด กทม.ใช้งบฯ ไร้ประสิทธิภาพ ดันประชาชนมีอำนาจตัดสินใจ แนะดันกรุงเทพฯ เป็นตัวอย่างกระจายอำนาจให้กับประชาชน ด้านสถาปนิกจากกลุ่มแคร์ แนะออกแบบกรุงเทพฯ ให้ระบบเศรษฐกิจเมืองเข้มแข็ง

ในงานเสวนาผ่าตัดงบประมาณรวมพลังสร้าง กทม. หัวข้อวิสัยทัศน์รวมพลังสร้างกรุงเทพฯ ที่จัดโดย คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบ และแกนนำกลุ่มแคร์ หนึ่งในผู้ร่วมเสวนา ระบุว่า ต้องเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับผังเมือง จะทำให้แก้ไขปัญหา ใน กทม.ได้ทั้งรถติดและมลภาวะ โดยชี้ว่าผังเมืองที่มีจะเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมความหนาแน่นของประชากร สืบเนื่องให้เป็นการควบคุมขนาดของท่อระบายน้ำ เสาไฟ และถนน ซึ่งมองเห็นว่าผังเมืองของกรุงเทพฯ ขณะนี้ยังคงซ้ำซ้อน 

นอกจากนี้ยังเสนอแนะให้ออกแบบกรุงเทพฯ เป็นเมืองสร้างสรรค์ให้มีธุรกิจขนาดเล็ก เกิดความเข้มแข็ง ซึ่งขะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจเมืองเกิดความเข้มแข็งไปด้วย และยังเสนอให้มีการจัดจรรงบประมาณ ในด้านสวัสดิการของเมือง แต่ทั้งนี้จะต้องทำให้คนเมืองมีฐานะก่อน 

โภคิน


ด้าน โภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาของประเทศอยู่ที่ระบบราชการที่ใหญ่โต ซึ่งเป็นเช่นนี้ในทุกท้องถิ่นรวมถึง กทม.ด้วย ระบบจัดการที่ดี คือต้องให้ประชาชนทำมาหากินได้ดี แต่ระบบที่เฮงซวยทำให้ประชาชนท้อถอย สิ่งที่ต้องทำคือต้องตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด ไม่ว่างบประมาณของประเทศและ กทม.โดยท้วงติงว่า ระบบราชการมีแต่คนจะใช้เงิน โดยไม่สนใจปัญหาที่เกิดขึ้น 

สุดารัตน์ adb101886545fd505_38137138_200929_4.jpgสุดารัตน์ เพื่อไทย จราจร 6032.jpg

ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นปัญหาใหญ่คือส่วนของโครงสร้างที่ควรแก้ไขเพื่อกระจายอำนาจการตัดสินใจการใช้งบประมาณเพื่อให้คนกรุงเทพฯได้ใช้โอกาสมีส่วนร่วมกำหนดอนาคตของตนเอง โดยผลของการที่ไม่มีตัวแทนของประชาชน คือสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และ สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) เข้าไปทำงาน ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้คนกรุงเทพฯ เสียโอกาส เพราะไม่มีคนเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม รถติด โดยเฉพาะการใช้งบประมาณเป็นแสนล้านบาทแต่กลับไร้ประสิทธิภาพ ปัญหาของ กทม.ปัจจุบันจะยึดราชการเป็นศูนย์กลาง จึงย้ำว่าจะต้องให้กรุงเทพฯ เป็นตัวอย่างของกระจายอำนาจที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ 

คุณหญิงสุดารัตน์เสนอให้จัดงบประมาณที่จะต้องฟังเสียงของประชาชนด้วยการยกเลิกผู้มีอำนาจที่สั่งประชาชน อีกทั้งต้องเตรียมพลังของประชาชน โดยให้ประชาชนมีอำนาจในการตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยตนเอง ไม่ใช่ให้เจ้าหน้าที่เขตคิดและแก้ปัญหาให้เอง และจากสภาชุมนุมให้ประชาชนมีอำนาจโดยการกระจายอำนาจให้ประชาชนคิดแทน

นอกจากนี้ จะต้องจัดสรรงบประมาณโดยเน้นการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอประชาชน ซึ่งที่ผ่านมางบประมาณที่จัดซื้อจัดหาให้ประชาชนเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่ต้องการ ส่อไปในทางทุจริต และเสนอให้สภาชุมชนมีอำนาจการตรวจสอบการใช้งบประมาณเพื่อเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยระดับชุมชน 

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังเสนอให้จัดสรรงบพัฒนาชุมชนอย่างโครงการเอสเอ็มแอลอย่างที่พรรคไทยรักไทยเคยทำมา และเสนอแนะลดขั้นตอนให้เร็วขึ้น แก้ระเบียบให้สะดวกขึ้นเพื่อลดการทุจริต ให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ และเป็นการป้องกันการทุจริตด้วย พร้อมทั้งเสนอแนะการใช้เทคโนโลยียุคใหม่เพื่อสร้างโอกาสให้คนกรุงเทพฯ โดยเน้นย้ำให้รัฐบาลส่งเสริมให้คนกรุงเทพฯ มีโอกาสใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งจะถือว่ารายส่วนนี้จะเป็นฐานภาษีใหม่ให้รัฐบาล 

อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นของการบริหารกรุงเทพฯ คือการคืนอำนาจให้กับชาวกรุงเทพฯ ด้วยการกระจายอำนาจ ผ่านการปรับโครงสร้าง และกระจายงบประมาณโดยเชื่อว่าหากประลาชนมีส่วนร่วมจะสามารถแก้ไขปัญหาเล็กอย่างเช่นน้ำท่วมหรือปัญหาทางเท้า รวมถึงปัญหาใหญ่อย่างปัญหาฝุ่นพิษของกรุงเทพฯ 

สุดารัตน์ เพื่อไทย จินนี่ ยศสุดา 5be8a6adb101886545fd505_38137138_200929_5.jpgเพื่อไทย 26027.jpgสุดารัตน์ เพื่อไทย จินนี่ ยศสุดา5be8a6adb101886545fd505_38d137138_200929_0.jpgc8e10bfe1d5be8a6adb101886545fd505_38137138_200929_6.jpg


ทั้งนี้ จินนี่ ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ บุตรสาวของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้เซอร์ไพรส์ด้วยการมอบดอกไม้ให้กำลังใจหลังคุณหญิงสุดารัตน์พูดในงานเสวนาผ่าตัดงบประมาณรวมพลังสร้าง กทม. โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ได้ประกาศลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และยืนยันจะไม่ขอรับตำแหน่งในกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่