นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยทีมงาน เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยเริ่มจากการสักการะท้าวมหาพรหม ที่ประดิษฐานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า และลงมาสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตายาย เพื่อเป็นสิริมงคล
นายอนุทิน กล่าวถึงแนวทางการปฏิบัตินโยบายว่า ต้องดำเนินการตามที่หาเสียงไว้ พร้อมกับพัฒนาสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น อย่างนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้�� ต้องทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ล่าสุด ได้หารือกับนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็เพื่อหาข้อมูลในเรื่องนี้เอง และเชื่อมั่นว่าข้าราชการในกระทรวงว่าพร้อมร่วมแรงร่วมใจไปด้วยกัน
นายอนุทิน เปิดเผยว่า ในงานประชุมร่วมกับข้าราชการ โดยให้ความสำคัญกับนโยบายกัญชา และพร้อมให้ความร่วมมือ ในเอกสารที่ข้าราชการเสนอมา มีเรื่องกัญชาทางการแพทย์อยู่หลายข้อก็สบายใจ ขณะที่ทางท่านนายกฯ เอง สนับสนุนนโยบายนี้ และบรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วน หวังให้สังคมเปิดใจยอมรับว่ากัญชามีส่วนที่เป็นคุณและโทษ ส่วนที่เป็นคุณเราต้องนำมาใช้ประโยชน์ ส่วนที่เป็นโทษก็ต้องควบคุม
การทำนโยบายของเรา ต้องปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน เริ่มจากปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ อนุญาตให้ประชาชนปลูกได้ตามกฎหมายกำหนดบ้านละ 6 ต้น และสนับสนุนให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าการเดินหน้านโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์ ในส่วนของความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข สามารถเดินหน้าได้เลย แต่ถ้าคาบเกี่ยวกับกระทรวงอื่น ก็ต้องหาทางออกไปด้วยกัน ทำเต็มที่แน่นอน
ส่วนที่มีความกังวลว่านโยบายจะขัดกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ขอย้ำว่า ไม่ต้องกังวล เพราะนโยบายนี้ ไม่ใช่ประชานิยม และทำไปเพื่อผู้ป่วย
“พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคปฏิบัติการ เราทำงานของเราอย่างเต็มที่ ไม่สนใจเรื่องการเมืองอยู่แล้ว นโยบายไหน ของพรรคไหนดี ทางเราก็ต่อยอด ให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด เช่นกันนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้ เราไม่ลืม ทั้งเรื่อง กยศ., การยกระดับ อสม. สำหรับนโยบาย GRAB ได้บรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลแล้ว พรรคภูมิใจไทยเข้าไปเพื่อทำงาน นี่คือทุกอย่างของพรรคภูมิใจไทย”
ส่วนที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะต้องชี้แจง เพราะเรื่องเหล่านี้ ทั้งการกล่าวหาและการชี้แจง ต้องใช้เอกสารหลักฐานทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรณีการถือหุ้นฯ ก็สามารถตรวจสอบไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้นอกจากยี้บังมีข้อกฎหมายในการดูแลเรื่องเหล่านี้ด้วย
นายอนุทิน กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายงานจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งคงต้องรอภายหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งคาดว่าคงจะได้รับมอบหมายงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงของรัฐมนตรีที่พรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่
สำหรับโควต้ารองโฆษกรัฐมนตรีประจำสำนักนายกนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่โควต้า เพราะเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกัน แต่ทั้งนี้หากมีอัตรมาให้พรรคภูมิใจไทย ก็จะพิจารณาบุคคลและเสนอชื่อไป ทั้งนี้ภายในพรรค มีแคนดิเดตอยู่หลายคน และโดยตำแหน่งนี้ไม่ใช่ตำแหน่งตอบแทน เพราะการทำงานต้องดูความเหมาะสม ซึ่งรองโฆษกรัฐบาล ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในหลายด้าน
ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มองว่าเป็นเพียงประเด็นที่ถูกระบุไว้ในการแถลงนโยบายเพียงกว้างๆเท่านั้น นายอนุทิน กล่าวว่าประเด็นนี้ถือเป็นนโยบายของพรรคการเมือง ที่มีความตั้งใจหรือให้น้ำหนักกับเรื่องนี้มากน้อยแตกต่างกัน แต่อย่างน้อยประเด็นนี้ก็ถูกบรรจุไว้แล้ว ในส่งนของพรรคภูมิใจไทย เน้นเรื่องการทำงานมาก่อน แต่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องคุยในวงใหญ่ ไม่สามารถทำได้คนเดียว ทั้งนี้ในส่วนของพรรคพอใจต่อนโยบายที่จะแถลง เช่นเดียวกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ขณะที่นายกฯเอง พร้อมที่จะรับฟังความเห็นทุกพรรค
ส่วนมุมมองของตนเองในฐานะนักการเมือง กับบทบาทของนายกฯในฐานะ คสช.ก่อนหน้านี้และได้เข้ามาทำงานร่วมกัน นายอนุทิน กล่าวว่า เวลาต่างคนต่างก็ร้องเพลง จงรัก ซึ่งนายอนุทินได้พูดถึงเนื้อเพลงช่วงหนึ่งว่า “โปรดอย่าถาม ว่า ฉันเป็นใครเมื่อในอดีต รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ” พร้อมกล้าวติดตลกว่า รักตลอดไปหรือเปล่านั้น ยังไม่รู้
นายอนุทิน ยังได้นำสื่อมวลชนขึ้นไปเก็บภาพบนห้องทำงานชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 โดยนายอนุทิน ระบุว่า ยังไม่ได้อัญเชิญพระพุทธรูปเข้ามาภายในห้องทำงาน ซึ่งหลังจากนี้จะอัญเชิญพระพุทธรูปที่เป็นมงคลเข้ามา ส่วนการแบ่งเวลาการทำงานระหว่างทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขนั้นจะพิจารณาตามวาระงานและความเหมาะสมกับเวลา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :