ไม่พบผลการค้นหา
‘มงคลกิตติ์’ จองถล่มซักฟอกรบ. 6 ประเด็น อัด ‘ประยุทธ์’ 8 ปีแล้วก็ไม่มีปัญญาหารายได้เข้าประเทศ

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงข่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม ม.152 

มงคลกิตติ์ เปิดเผยถึงการหารือกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า เบื้องต้น พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้รับการจัดสรรเวลาอภิปรายไว้อยู่ที่ไม่เกิน 30 นาที โดยมีความสนใจ ที่จะอภิปรายใน 6 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 

1. กรณีทุจริตขึ้นราคาเนื้อหมู ช่วงพ.ย.-ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเนื้อหมูของเกษตรกรรายย่อยหายไปจากตลาดถึง 20% ในเดือนพ.ย.ราคาเนื้อหมูอยู่ที่ 100 กว่าบาท แต่ในเดือนถัดมากลับมีราคาสูงเป็นเท่าตัว ส่งผลให้ผู้ได้ประโยชน์คือ ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ยังสามารถจำหน่ายเนื้อหมูในตลาดได้ และผู้มีอำนาจในการกำกับและติดตามราคาเนื้อหมู 

2. ปัญหาราคาน้ำมันแพง เพราะการบริหารราชการแผ่นดินโดยไร้ประสิทธิภาพของ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

3. การจัดซื้อวิทยุสื่อสารมูลค่า 4 พันกว่าล้านบาท โดยกระทรวงมหาดไทย ที่มีการเปิดประมูลช่วงก.ค. 2564 โดยผู้ที่เสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมครม.คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าอาจมีการทุจริตในการประมูล เพราะราคาเฉลี่ยต่อชุดอุปกรณ์ถูกตั้งไว้สูงเกินกว่าราคาในท้องตลาด 

4. การหมดอายุสัมปทานของดาวเทียม ไทยคม 4 และ ไทยคม 6 ซึ่งขณะนี้ถูกโอนไปให้ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ดำเนินการต่อ เนื่องจากอายุสัมปทานหมดไปตั้งแต่ 11 ก.ย. 2564 ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การให้สัมปทานต้องไปดูในรายละเอียดการถือหุ้นของโครงสร้างบริษัทให้แน่ชัดว่าเป็นเอกชนหรือรัฐ ถ้าภาครัฐถือหุ้นต่ำกว่า 51% จะมีปัญหาได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่มีการประมูล 

5. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากแรงงานข้ามชาติ เรื่องความไม่โปร่งใสของการเก็บค่าธรรมเนียมในการต่อใบอนุญาต ที่ ศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ทำงาน และออกเอกสารรับรองบุคคล หรือ CI 

6. โครงการร้านค้า มอก. ของ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาจตัดโอกาสในการประกอบกิจการของธุรกิจร้านค้ารายย่อยของประชาชนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุนรายใหญ่ รวมทั้งเปิดช่องว่างให้เจ้าหน้าที่รัฐทุจริตได้

ทั้งนี้ มงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า หวังว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะทำให้หน่วยงานกระทรวง ทบวง กรมไปดำเนินการแก้ไข และหากเรื่องใดมีหลักฐานมากพอ ก็จะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือดำเนินคดี เป็นการป้องปรามการทุจริต และเชื่อว่า จะเป็นการอภิปรายรัฐบาลครั้งสุดท้าย เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนพ.ค.นี้ อาจจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลอาจอยู่ไม่ครบวาระ อาจจะมีการยุบสภาก่อน

“ไม่เคยคาดหวังอะไรกับนายกฯคนนี้อยู่แล้วในการพิจารณาแก้ไขปัญหา เพราะไม่เคยทำอะไรให้กับประชาชนได้เลย แม้แต่ราคาหวยที่ทำให้เหลือ80บาทก็ทำไม่ได้ นายกฯขี้โม้มานานแล้ว ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักเรื่อง ราคาน้ำมันที่แพง หลักๆเกิดจากภาษีในประเทศไทย ที่มีรายได้ทางภาษีเกือบๆ 5.82 แสนล้านบาท นายกรัฐมนตรีพิสูจน์แล้วว่าเกือบ 8 ปี ยังทำอะไรไม่ได้ ไม่มีปัญญาที่จะหารายได้จากส่วนอื่น ไม่มีอนาคตแล้วสำหรับรัฐบาลนี้” มงคลกิตติ์ กล่าว