15 ม.ค.2566 อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้า ‘โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ที่ได้เปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่ โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติมสิทธิสวัสดิการในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และอยู่ระหว่างการของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาเพิ่มสิทธิอื่นๆ ให้ครอบคลุมความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด เตรียมประกาศผลตรวจสอบคุณสมบัติภายในเดือนมกราคมนี้ เริ่มต้นการใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลเดือนธันวาคม 2565 มีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ 13.2 ล้านคน ขณะที่ในการเปิดลงทะเบียนรอบใหม่มีประชาชนลงทะเบีนแล้ว 21.93 ล้านราย โดยจะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติภายในเดือน ม.ค.2566 นี้ คาดว่าน่าจะมี ‘คนจน’ ที่ได้รับบัตรสวัสดิการเพิ่มขึ้นแตะ 20 ล้านคน

สำหรับเดือนมกราคมนี้ รายการที่ได้รับเพิ่มเติมจากสวัสดิการอื่นๆ ที่เคยมีอยู่แล้วในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้แก่ เงินช่วยเหลือพิเศษเดือน ม.ค. (เดือนเดียว) จำนวน 200 บาท ซึ่งรัฐบาลใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,644 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการฯ มีสิทธิ ดังนี้

ทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)

• วงเงินซื้อสินค้า 200/300 บาทต่อเดือน
• วงเงินซื้อสินค้า ตามมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษ 200 บาทต่อเดือน (เฉพาะเดือนมกราคม 2566)
• ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (มกราคม – มีนาคม 2566)
• ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน, ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน, ค่าโดยสารรถ ขสมก. / รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)

ทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

• เงินชดเชยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กฟน. กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
• เงินชดเชยตามจำนวนเงินที่ชำระค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้ลงทะเบียนกับ กปน. กปภ. ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท (ที่ได้ชำระเงินแล้ว) ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)

ทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

• เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ)

ทั้งนี้ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ดัได้เปิดให้ลงทะเบียนไปตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.- 31 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา และได้ประกาศผลการลงทะเบียนและผลการตรวจสอบความสัมพันธ์กับกรมการปกครองเป็นขั้นตอนแรก ตามเกณฑ์บุคคลและเกณฑ์ครอบครัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศผลผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th/ ภายในเดือนมกราคมนี้ ผู้ใดพบว่าตนเองไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก สามารถอุทธรณ์การตรวจสอบสิทธิได้ โดยจะใช้ตรวจสอบ 15-30 วัน หากอุทธรณ์แล้วผ่าน จะยังคงได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการย้อนหลังด้วย