นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์เตือนคณะกรรมการการเลือกตั้ง เตรียมตัวถูกฟ้องหากจัดเลือกตั้งไม่แล้วเสร็จใน 150 วันตามรัญธรรมนูญ โดยตัวแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 268 กำหนดให้ กกต. ต้องดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามมาตรา 267 (1)(2)(3) และ (4) มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะครบกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 9 พ.ค. 2562
ซึ่งคำว่า "ให้แล้วเสร็จ" ตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวหมายความรวมถึง วันเลือกตั้ง และวันประกาศผลการเลือกตั้งอย่างน้อยร้อยละ 95 ต้องแล้วเสร็จ และถึงแม้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 จะมีบทเฉพาะกาลในมาตรา 171 " ให้กกต. ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลใช้บังคบ และกำหนดให้ กกต. กำหนดวันเลือกตั้งซึ่งต้องไม่ช้ากว่า 150 วันนับแต่วันที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลใช้บังคับอันเป็นเล่ห์ฉลของการเขียนกฎหมายให้ขัดแย้งกันก็ตาม แต่การตีความเพื่อยีดระยเวาลาการเลือกตั้งออกไปของ กกต.ย่อมเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายแม่บทของประเทศ ซึ่งมีศักดิ์ของกฎหมายเหนือกว่ากฎหมายทั้งปวง โดยเฉพาะเหนือกว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
หากการดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ไม่แล้วเสร็จภายใน 150 วันได้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะเป็นองค์กรแรกที่จะรวบรวมประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้สมัคร ส.ส. ที่เสียหายจากการใช้อำนาจดังกล่าว ในการดำเนินการเอาผิดต่อ กกต. ในคดีอาญาตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 (ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท) และตามที่กฎหมายอื่นบัญญัติโดยอาจยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้ชดใช้เงินคืนทั้งหมดจากการเลือกตั้ง และชงเรื่องฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามครรลองของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 234 (1) ต่อไป แต่จะไม่ยอมตกหลุมพลางโดยไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเด็ดขาด เพราะอาจจะเข้าทางผู้มีอำนาจบางคนที่หวังผลให้มีการตีความว่าการ��ลือกตั้งเป็นโมฆะเพื่อที่ตนจะได้อยู่ในอำนาจได้ต่อไปนั่นเอง อย่าได้หวัง