วันที่ 7 พ.ค. 2565  ที่ จ.นครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ท้าทายในเชิงไม่ให้ราคากับฝ่ายค้านโดยระบุถ้าล้มรัฐบาลก็ให้ล้มไปว่า การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการแสดงให้เห็นว่าทำใจดีสู้เสื้อ เพราะระเบิดมา 4 ลูกที่ตนได้เสนอในเวทีเสวนาพรรคฝ่ายค้านที่ จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค. 2565 โดยลูกแรกเป็นการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถ้าไม่ผ่านรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการยุบสภาฯ เรื่องที่สองกฎหมายลูก 2 ฉบับที่มีความสำคัญ ถ้าผ่านการพิจารณาของรัฐสภาจะเป็นกติกาการเลือกตั้งใหม่ เรื่องที่สาม ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นประเด็นที่จะชี้ให้เห็นความไม่ชอบมาพากล โดยเสียงในสภาฯขณะนี้ก้ำกึ่งมาก เพราะมีเสียงสวิงโหวต ที่บางพรรคการเมืองยังไม่รู้อยู่ฝ่ายไหน ถ้าเกิดฟังการอภิปรายแล้วเห็นด้วยกับฝ่ายค้านก็จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป อีกทั้งเดือนส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ได้ถึง 24 ส.ค.นี้ ที่จะอยู่ได้เพียง 8 ปีเท่านั้น ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงคิดหนักและใจดีสู้เสือ น่าจะกังวลเสียงในสภาฯ 

ถามว่า ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันเสียงในพรรคร่วมรัฐบาลไม่น่ามีปัญหา เสถียรภาพของรัฐบาลขณะนี้แน่นอนกับตัวรัฐบาลอยู่หรือไม่ ประเสริฐ กล่าวว่า ไม่แน่นอน วันนี้เสถียรภาพเสียงของพรรคการเมืองหลักของรัฐบาลมีไม่เกิน 240 เสียง ส่วนฝ่ายค้านมี 208 เสียง ส่วนตรงกลางสวิงโหวต ของพรรคเศรษฐกิจไทยที่มี 18 เสียง กลุ่ม 16 ที่เป็นพรรคการเมืองเล็กก็มีการพูดถึงความอึดอัดใจในการยกมือให้รัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำอีอีซี แต่เข้าใจ พล.อ.ประยุทธ์คงกลัวประเด็นนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงชะลอโครงการนี้ออกไป ทั้งนี้ฝ่ายค้านยืนยันยังตามติดตามประเด็นดังกล่าวนี้อยู่ ถ้ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล ก็จะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป.ป.ช.

ถามว่า รัฐบาลจะนำเรื่องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ. 2566 มาแลกกับเสียงอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ประเสริฐ กล่าวว่า ไม่แน่ใจในประเด็นนี้ เพราะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถ้าไม่เลวร้ายจริงๆ ฝ่ายค้านจะงดออกเสียง ดังนั้นขอดูรายละเอียดเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.งบบประมาณฯ ก่อน เพราะรัฐบาลยังไม่ได้นำเสนอร่าง พ.ร.บ.มายังรัฐสภา ถ้าไม่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็เป็นเรื่องลำบาก ส่วนจะใช้เป็นเกมต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาลในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่นั้น ก็อาจเป็นกลยุทธ์หนึ่งของรัฐบาล แต่ไม่ควรนำงบประมาณมาใช้เป็นเรื่องต่อรองการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะงบฯเป็นภาษีของประชาชนแล้วจะยกเงินภาษีไปให้กับใครคนใดคนหนึ่ง