นายแพทย์ ระวี มาศฉมาดล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกระแสที่ 5 พรรคเล็กอาจจะออกจากพรรคร่วมรัฐบาลว่า ส่วนตัวตนไม่ยึดติดกับตำแหน่งทางการเมือง เพราะหากรัฐบาลเปิดโอกาสให้นำนโยบายของพรรคไปปฎิบัติและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอร์รัปชันหรือพลังงาน ก็ถือว่า ส.ส. เสียงเดียวสามารถทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนได้สำเร็จ แต่ทั้งนี้รัฐบาลก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของพรรคเล็กด้วยว่า ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการยกมือโหวตเลือก พล.อ. ประยุทธ์ จันทรโอชา เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเล็กก็ให้ความร่วมมือ 10 เสียงที่มี ก็ทำให้พรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ท่ามกลางสถานการณ์ในขณะนั้นที่มีความไม่แน่นอนจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่พรรคเล็กก็ยืนหยัดข้างพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า 10 เสียงของพรรคเล็ก เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ไม่ต่างกัน แต่พรรคชาติไทยพัฒนากลับได้ตำแหน่งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วย ทางกลุ่มพรรคเล็กก็ไม่เคยต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกับรัฐบาลเลย ทั้งๆ ที่สามารถจะต่อรองได้รัฐบาลต้องเล็งเห็นถึงความลำบากในการขับเคลื่อนนโยบายที่แต่ละพรรคได้หาเสียงไว้กับประชาชนด้วย
“วันนี้ตำแหน่งทางการเมืองไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพรรคพลังธรรมใหม่ แต่รัฐบาลน่าจะให้โอกาสคนของพรรคเล็ก 10 พรรค เข้าไปร่วมขับเคลื่อนการบริหาร และนำนโยบายของพรรคแต่ละพรรคเข้าไปสานต่อให้เกิดประโยชน์บ้าง เพราะที่ผ่านมาพรรคเล็กก็เสียสละมา 2 ครั้งแล้ว” นพ.ระวี กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคพลังธรรมใหม่จะออกจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น นพ. ระวี กล่าวว่า ก่อนการตัดสินใจเข้าร่วมกับรัฐบาล ทางพรรคก็ฟังเสียงของสมาชิกทั่วประเทศ การตัดสินใจจะออกจากพรรคร่วมหรือไม่นั้น เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ หัวหน้าพรรคไม่มีสิทธิตัดสินใจด้วยตัวเอง เราก็ต้องกลับไปฟังเสียงสมาชิกจากทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะตัดสินใจอย่างไร นี่คือหลักปฎิบัติสำคัญสำหรับพรรคพลังธรรมใหม่
ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยอมรับว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มาพูดคุยจริงกับตนจริง แต่ได้ชี้แจงไปว่าหมดเวลาแล้วมาคุยตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่านายกรัฐมนตรีก็ต้องลาออก และคณะรัฐมนตรีก็จะสิ้นสภาพไป ส่วนพรรคอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละพรรค เป็นอิสระต่อกัน
เช่นเดียวกับ นายพิเชฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ก็ยืนยันตามเดิมว่า มติ 5 พรรคแยกตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ ส่วนพรรคที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละพรรค พรรคใครพรรคมัน