ไม่พบผลการค้นหา
‘ประวิตร’ วิดีโอคอลคุยชาวมหาสารคามระหว่างเดินสายลงพื้นที่ภาคอีสาน เจอเชียร์หวังให้เป็นนายกฯคนที่ 30 พาคนไทยสู่ความสุข ชู ‘อีสานประขารัฐ’ สร้างรถไฟทางคู่ บูมพัฒนาพื้นที่ 24 จ.อีสาน-ตะวันออก ควบคู่สร้างงาน-การศึกษาคุณภาพ

วันที่ 1 พ.ค. 2566 แฟนเพจเฟซบุ๊ก “FC ลุงป้อม” โพสต์คลิปวิดีโอคอลขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ วิดีโอคอลถึงพูดคุยกับประชาชน ในช่วงระหว่างลงพื้นที่หาเสียงในภาคอีสาน ที่มีกำหนดปราศรัยใหญ่ที่ จ.ร้อยเอ็ด 

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ใช้เวลาวิดีโอคอลพูดคุยกับประชาชนใน จ.มหาสารคาม ทักทาย และรับฟังปัญหาความเดือดร้อน โดยกล่าวผ่านวิดีโอคอลว่า “ทุกคนสบายดีนะครับ ขอฝากพรรคพลังประชารัฐ และผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม ของพรรคด้วย”

จากนั้นตัวแทนประชาชนได้กล่าวตอบว่า “จะสบายกว่านี้ หากได้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ คนที่ 30”

นอกจากนี้ประชาชนคนมหาสารคาม ยังอวยพรให้ พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง

“ขอให้ ลุงป้อม โชคดี วันนี้ขอเรียก ลุงป้อม ว่า พี่ป้อม พวกเราชาวมหาสารคามขอเชียร์ พี่ป้อม เบอร์ 37 และขอให้ได้เป็นนายกฯคนที่ 30 รวมทั้งพาคนไทยไปสู่ความสุขด้วย” ประชาชนรายหนึ่ง ระบุ

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

รายงานข่าวแจ้งว่า การลงพื้นที่หาเสียงภาคอีสานของ พล.อ.ประวิตร ที่ จ.ร้อยเอ็ด เป็นการลงพื้นที่ต่อเนื่องจาก จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2566 โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวกับประชาชนใน จ.ขอนแก่นว่า หากได้เป็นรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐจะทำนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทันที เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน พร้อมเงินประกันชีวิต 2 แสนบาท, เพิ่มงบกองทุนหมู่บ้านฯให้กองทุนละ 2 แสนบาท, ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าในทันที, นโยบายเพิ่มเงินในบัญชีของประชาชน

อาทิ สวัสดิการผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไปได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท, นโยบาย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ มอบเงินให้ผู้ที่ตั้งครรภ์เดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด และเงินช่วยดูแลลูกอีกเดือนละ 3,000 บาท จนถึง 6 ขวบ, สนับสนุนเงินให้เกษตรกรทั่วประเทศ จำนวน 30,000 บาท จำนวน 8 ล้านครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาความยากจน

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำถึงนโยบายอีสานประชารัฐ ในการยกระดับการขนส่งคมนาคม และพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับระบบการศึกษาที่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ โดยจะเชื่อมทางรถไฟจากภาคอีสานและภาคตะวันออกให้เป็นรถไฟทางคู่ (บึงกาฬ-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง) ระยะทาง 480 กม. ที่จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการอีอีซี ทั้งนี้จะเริ่มสร้างเมื่อพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล ซึ่งได้มีการสำรวจเส้นทางเรียบร้อยแล้ว


IMG_1900.jpeg