พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือฉายา พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม อุปสมบทครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปี ที่วัดคลองเตยใน เขตคลองเตย จากนั้นได้สึกไปรับราชการทหาร และอุปสมบทอีกครั้งที่ จ.พัทลุง เมื่อปี 2526 เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดอ้อน้อย จากที่ดินบริจาคที่ ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อปี 2532 กระทั่งสึกและอุปสมบทใหม่อีกครั้งเมื่อปี 2544
ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองระหว่างปี 2556 - 2557 พระพุทธะอิสระ เข้าร่วมชุมนุม กปปส. เพื่อเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทั่งได้รับเป็นแกนนำกลุ่ม กปปส. ที่เวทีแจ้งวัฒนะ
นับจากบรรทัดนี้ คือวีรกรรม สุดซอย สุดห้าว! ในอดีต ของอดีตพระสุวิทย์ เมื่อครั้งห่มผ้าเหลืองและร่วมเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญจนนำไปสู่การรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557
กดดันเรียกค่าเสียหายโรงแรมเอสซี ปาร์ค
20 ก.พ. 2557 พระพุทธะอิสระ นำขบวนมวลชน กปปส. เคลื่อนมาจากเวทีศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ มายังโรงแรมเอสซี ปาร์ค ในเครือของตระกูลชินวัตร พร้อมทั้งแจ้งโรงแรมว่า ขอจองห้องพัก 10 ห้อง โดยชำระเงินค่าจองห้องพัก 42,000 บาทไว้ และขอจองห้องสัมมนาเพื่อจัดสัมมนาหัวข้อ 'ทุกข์ของชาวนาที่โดนรัฐบาลโกง' แต่ทางโรงแรมไม่อนุญาตให้พระพุทธะอิสระ และผู้ชุมนุมได้พัก ทำให้พุทธะอิสระเข้าเจรจาว่าจะขอเหมาห้องพักทั้งหมดในโรงแรม แต่โรงแรมยังไม่ให้เข้า
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้โรงแรมประกาศงดให้บริการ เพราะเกรงว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้น พร้อมคืนเงินจองห้องพัก 10 ห้องแก่พระพุทธะอิสระ ซึ่งไม่ยินยอม โดยระบุว่า ได้จองห้องพักและชำระเงินถูกต้องแล้ว พร้อมจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ที่สุดทางโรงแรมต้องยินยอมจ่ายเงินสด 120,000 บาทคืนแก่พระพุทธะอิสระ เป็นค่าเสียหายที่ไม่สามารถเปิดห้องพักได้หลังประกาศปิดให้บริการ
ปิดล้อม วอยซ์ทีวี หวังทุบธุรกิจเครือชินวัตร
24 ก.พ. 2557 เวลา 09.30 น. พระพุทธะอิสระ นำมวลชนมาปิดทางเข้า - ออก หน้าสถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี ถนนวิภาวดีรังสิต หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศว่าจะยกระดับการชุมนุมขั้นแตกหักไล่ทุบธุรกิจในเครือข่ายตระกูลชินวัตร
โดยพระพุทธะอิสระขู่ว่าจะปักหลักนอนค้างคืน หากไม่ให้ชาวนาได้ชี้แจงผ่านรายการของสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี หลังอ้างว่าสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี รายงานข่าวคลาดเคลื่อนข้อเท็จจริงว่าชาวนาที่มาชุมนุมกับ กปปส.เป็นชาวนาปลอม ทันทีที่พระพุทธะอิสระ มาถึงสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ก็เรียกร้องให้ผู้บริหารสถานีนำดอกไม้ ธูปเทียนมาขอขมา
นำมวลชนบุก ศอ.รส. แตกกระเจิงโดนแก๊สน้ำตา - รถฉีดน้ำ
9 พ.ค.2557 เวลา 10.00 น. พระพุทธะอิสระ นำมวลชน กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ เคลื่อนขบวนด้วยรถบัส 10 คัน และรถเครื่องขยายเสียง จอดปิดประตูทางเข้าสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้ง ศอ.รส.ในช่วงที่มีการชุมนุมของ กปปส. โดยมวลชนสายจีวรแห่งแจ้งวัฒนะ เรียกร้องให้ ศอ.รส. แจ้งความดำเนินคดีผู้ที่ล่วงละเมิดสถาบัน กรณีใช้ความรุนแรงยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และตัวแทนชาวนาต้องการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในคดีโครงการรับจำนำข้าว โดยตัวแทน ศอ.รส.ออกมารับหนังสือร้องเรียน
ทำให้ ตัวแทน ศอ.รส.กลับเข้าไปหารือกับผู้บังคับบัญชาก่อน จากนั้น พระพุทธะอิสระ ยังเรียกร้องให้ ศอ.รส.ส่งตัวแทนมาเจราอีกครั้ง แต่เมื่อถึงเวลายังไม่มีตัวแทน ศอ.รส.ออกมา ทำให้มวลชนที่ปักหลักต่างรื้อแนวลวดหนามเพื่อเข้าไปด้านใน
สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น จนตำรวจต้องระดมยิงแก๊สน้ำตาและใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้พระพุทธะอิสระไม่สามารถต้านทานพลังน้ำแรงดันสูง จนสภาพเปียกไปทั้งจีวรและลืมตาไม่ขึ้น เมื่อเพลี่ยงพล้ำหนัก เวลาต่อมาพระพุทธะอิสระต้องประกาศถอยทัพนำมวลชนกลับเวทีแจ้งวัฒนะทันที เพราะเกรงว่าจะมีผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามเข้าไปรื้อถอนเวทีแจ้งวัฒนะ และในเวลาต่อมา พระพุทธะอิสระป่วยหนักจากการถูกยิงแก๊สน้ำตา จนทีมแพทย์ต้องขอให้พักผ่อน
บุกสถานทูตสหรัฐฯ กดดันเปลี่ยนตัวทูต
25 พ.ย. 2558 เวลา 13.00 น. พระพุทธะอิสระ นำมวลชนปักหลักชุมนุมที่หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำเทศไทย เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ นายกลิน ที.เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย แสดงความเห็นต่อกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเรียกร้องให้สหรัฐฯ เปลี่ยนทูตคนใหม่
กระทั่งวันที่ 24 พ.ค. 2561 ช่วงเช้าตรู่ กองปราบฯ นำกำลังคอมมานโดเชิญตัว พระพุทธะอิสระ จากวัดอ้อน้อย ไปควบคุมตัวในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในคดีอั้งยี่ซ่องโจรกรณีให้การ์ด กปปส. ทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล 2 นาย จนได้รับบาดเจ็บในช่วงการชุมนุม กปปส.เมื่อปี 2557 และคดีปลอมพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่อง โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
โดยพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังพระพุทธะอิสระ เวลาต่อมาทนายความพระพุทธะอิสระได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 150,000 บาทในคดีอั้งยี่ซ่องโจร และเงินสดจำนวน 850,000 บาทในคดีปลอมพระปรมาภิไธย
แต่ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ความหนัก-เบาของข้อหาในส่วนคดีอั้งยี่ซ่องโจร ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงและหลายข้อหา อีกทั้งมีผู้ร่วมกระทำผิดอีกหลายราย และผู้ต้องหายังเป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาในคดี พ.1107/2561 ปลอมพระปรมาภิไธยฯ ซึ่งศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ความหนัก-เบาของข้อหาแล้ว เห็นว่าการกระทำของผู้ต้องเป็นความผิดร้ายแรง และเกี่ยวพันกับคดี พ.1106/2561 อั้งยี่ซ่องโจร หากปล่อยตัวชั่วคราวก็เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ในชั้นนี้จึงยัง ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง
ทำให้ พระพุทธะอิสระ ต้องสึกจากความเป็นพระ โดยถอดผ้าเหลืองเปลี่ยนมาสวมชุดขาวแทน เปลี่ยนจากพระสุวิทย์ มาเป็นนายสุวิทย์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสุวิทย์ขึ้นรถของเรือนจำมุ่งหน้าสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที ท่ามกลางลูกศิษย์วัดต่างร้องไห้เสียใจ และส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจให้นายสุวิทย์ว่าจะกลับมาเป็น "พระพุทธะอิสระ" อีกครั้ง!
ถือเป็นการปิดฉากแบบจบไม่สวย สิ้นลายนักสู้ ดุจ 'ราชสีห์' หัวหมู่ กปปส. แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ ไว้ให้เป็นที่เล่าขานสืบต่อไป!
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง