นายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าวต่อคณะรัฐมนตรีว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมควรได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ เพราะชาวเกาหลีเพียงต้องการสันติภาพเท่านั้น
นายมุนยังกล่าวว่า เขามั่นใจว่าศักราชใหม่แห่งสันติภาพจะเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีได้ หลังจากที่เขาได้พบกับนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยทั้งคู่ได้ลงนามในปฏิญญาที่จะนำไปสู่การยุติสงครามเกาหลีถาวร หลังจากทั้งสองประเทศอยู่ในภาวะสงครามมานานกว่า 65 ปี รวมถึงยอมรับข้อตกลงที่จะนำไปสู่การดำเนินการปลดอาวุธนิวเคลียร์ออกจากคาบสมุทรเกาหลีด้วย
นอกจากนี้ยังมีกระแสเรียกร้องให้เสนอชื่อนายมุนเข้าชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ประจำปีนี้ เริ่มจากนางอีฮีโอ ภริยาของอดีตประธานาธิบดีคิมแดจองของเกาหลีใต้ ได้เขียนจดหมายสนับสนุนว่า นายมุนสมควรได้รับรางวัลดังกล่าว เนื่องจากอดีต ปธน.คิม ซึ่งเป็นผู้นำคนแรกที่เจรจาสันติภาพกับนายคิมจองอิล อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ เมื่อปี 2000 ก็เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปีนั้น
อย่างไรก็ตาม คิมอวีคยอม โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่า ท่าทีของนางอีและความเคลื่อนไหวของเครือข่ายนักกฎหมายเกาหลีใต้จำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องการให้เสนอชื่อนายมุนเข้าชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานหรือการดำเนินนโยบายของรัฐบาล และไม่ใช่สิ่งที่นายมุนต้องการ
ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ได้เปิดเผยว่านายมุนได้ยกเครดิตทั้งหมดให้กับเขาสำหรับความคืบหน้าในการเจรจากับเกาหลีเหนือ ขณะที่แถลงการณ์ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า นายมุนและนายทรัมป์เห็นพ้องกันว่า "การตัดสินใจครั้งใหญ่ของนายทรัมป์" มีส่วนช่วยให้เกิดการเจรจาทางการทูตอย่างมาก
นอกจากนี้ นายทรัมป์เปิดเผยว่าการเจรจาระหว่างเขาและนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนืออาจเกิดขึ้นภายใน 3- 4 สัปดาห์นับจากนี้ แต่นายทรัมป์ย้ำว่า เขาพร้อมจะเดินออกจากโต๊ะเจรจาได้ทุกเมื่อ หากการเจรจาไม่ได้ผลที่น่าพอใจ
ที่มา: UPI/ Korea Times
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: