เว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ หรือ SCMP สื่อของฮ่องกง เปิดเผยว่าตำรวจไทยออกหมายจับชาวไทยรายหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊ก Konthai UK ในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในเฟซบุ๊กที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ
สื่อฮ่องกงรายงานข่าวดังกล่าวโดยอ้างอิงข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ของไทย ซึ่งระบุว่า ผู้ดูแลเพจดังกล่าวมีชื่อว่า นางวัฒนา เอ็บเบจช์ วัย 56 ปี และโพสต์ที่เป็นสาเหตุให้มีการออกหมายจับ เป็นภาพตัดต่อดาวเทียมและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยข้อความว่า "เรือเหาะก็ซื้อมาซ่อม ยังจะซื้อดาวเทียม 91,200 ล้านมาแดกอีก.. จะยอมมันอีกมั้ย!"
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) โดยระบุว่า ผู้ถูกออกหมายจับมีความผิดฐานบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนสับสน สร้างความตื่นตระหนก ทั้งยังมีผู้ที่ถูกเรียกมารายงานตัวอีกประมาณ 20 ราย เนื่องจากแชร์โพสต์ดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อ โดย 12 ใน 20 รายสมัครใจเข้ารายงานตัวกับตำรวจเอง
SCMP รายงานด้วยว่า หากถูกตัดสินว่ามีความผิด ผู้ถูกออกหมายจับและดำเนินคดีทั้งหมดมีสิทธิจะถูกลงโทษสูงสุด คือ จำคุก 5 ปี และ/หรือปรับเงิน 100,000 บาท
ด้านนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำสมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wattana Muangsook วิพากษ์การออกหมายจับผู้ดูแลเพจ Konthai UK โดยระบุว่า "ขอประณามการดำเนินคดีกับเจ้าของเพจ "KonthaiUk" ที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการซื้อดาวเทียมมูลค่า 91,200 ล้านบาท และประชาชนที่เผยแพร่หรือส่งต่อข้อความดังกล่าว ด้้วยการกล่าวหาว่า "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน"
ข้อความในเฟซบุ๊กของนายวัฒนาระบุด้วยว่า "ภาพและข้อความที่ถูกเผยแพร่มีสองส่วน ส่วนแรกพูดถึงเรือเหาะที่ซื้อมาซ่อมซึ่งเป็นความจริง ส่วนที่สองมีข้อความว่า "ยังจะซื้อดาวเทียม 91,200 ล้าน มาแดกอีก" โดยมีรูปของบุคคลในรัฐบาลอยู่ด้วยนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เกี่ยวกับการใช้งบประมาณของกระทรวงกลาโหม ที่มักจะมีข้อครหาเกี่ยวกับความเหมาะสมและความโปร่งใส เช่น การซื้อเรือเหาะ หรือการแอบซื้อเรือดำน้ำ เป็นต้น ทั้งยังมีมูลเพราะพฤติกรรมเดิมเคยทำไว้และดาวเทียมที่ใช้กำลังจะหมดอายุจะต้องจัดหาใหม่ จึงอยู่ในวิสัยที่ประชาชนทั่วไปจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้งบประมาณเพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะ"
นอกจากนี้ นายวัฒนายังระบุด้วยว่า ข้อความดังกล่าวมิได้เป็นความเท็จที่ทำให้เสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ถึงแม้จะมีภาพของบุคคลในรัฐบาลก็มิได้ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หากจะเป็นความผิดก็เป็นเรื่องของการหมิ่นประมาท แต่ข้อความในเพจก็ไม่ได้กล่าวหาใคร และไม่อาจใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือดำเนินคดี
"รัฐบาลต้องสำเหนียกว่าอำนาจและงบประมาณที่ใช้อยู่นั้นเป็นของประชาชน หากการวิพากษ์วิจารณ์เกิดจากความเข้าใจผิดหรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ควรชี้แจงให้เจ้าของอำนาจทราบ ไม่ใช่ใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเครื่องมือดำเนินคดีปิดปากผู้เห็นต่าง"
นายวัฒนาทิ้งท้ายในเฟซบุ๊กว่า การกลั่นแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษ หรือรับโทษหนักขึ้น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนผู้ปกครองบ้านเมืองที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทำความเดือดร้อนให้กับผู้ใต้ปกครองของตน คือ 'ทรราช'
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: