นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ว่าที่หัวหน้าพรรคเกียน เดินทางมาที่ป้ายรถเมล์ ตรงข้ามประตู 5 พร้อมป้ายข้อความ "คืนบัญชี คืนอำนาจ ประชาชน" เพื่อรอพบ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ตามที่ได้โพสต์เฟชบุ๊กเป็นจดหมายเปิดผนึกขอให้มาเจอกันตัวต่อตัว จะได้อธิบายเหตุผลที่ต้องเลิกอายัดบัญชี บก.ลายจุด เพราะจำเป็นต้องใช้เงินที่ถูกอายัด ดำเนินการจัดตั้งพรรคได้ตามกฎหมาย
เนื่องจากตามข้อกำหนดของคณะกรรมการการเลือกตั้ง บังคับให้หัวหน้าพรรคและเหรัญญิกจะต้องเปิดบัญชีในนามพรรค ขณะที่การดำเนินธุรกรรมต่างๆ ไม่สามารถทำได้ สร้างความเดือดร้อนให้ทางครอบครัวของตนมาตลอด 4 ปีกว่า
อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ มีกำหนดการออกกำลังกายตอนเช้าที่สวนลุมพินีและไม่ได้เดินทางมาพบกับนายสมบัติ ทำให้นายสมบัติ ประกาศต่อสื่อมวลชนว่า หากไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน จำเป็นต้องกางเต้นท์นอนรอพลเอกประยุท์ หน้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลได้ประสานว่า จะมีผู้แทนมาชี้เเจงที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ กพร.จากนั้นนายสมบัติ จึงเดินเท้าจากประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลมายังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ที่ กพร.
หลังจากการหารือทางเจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารเมื่อครั้งที่นายสมบัติ ได้นำมาร้องทุกข์ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พร้อมชี้แจงว่าพลเอกประยุทธ์ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว โดยมีคำสั่งไปยัง พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท อดีตผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.ให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวแล้ว ขณะนี้จึงต้องรอผลจาก เลขาธิการ คสช.ซึ่งก็คือ ผบ.ทบ.คนใหม่ทำหนังสือปลดล็อกคำสั่งอายัดบัญชี
บก.ลายจุด ระบุว่า ไม่ต้องการมารบกวนหัวหน้า คสช.แต่มีความจำเป็น เนื่องจากวาระเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว แต่การดำเนินงานของพรรคยังติดขัดจากปัญหาดังกล่าว ทั้งที่การไม่เข้ารายงานตัวกับ คสช. ศาลได้ตัดสินปรับ 3,000 บาทแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องอายัดบัญชี และหลังการพูดคุย ได้เลขหนังสืิอราชการที่ทางสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งให้เลขาธิการ คสช.แล้ว จึงจะไปติดตามความคืบหน้ากับเลขาธิการ คสช.ที่กองบัญชาการกองทัพบกในเร็ววันนี้ แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาชัดเจน
ว่าที่หัวหน้าพรรคเกียน ยังกล่าวถึง นโยบายของพรรค ที่นอกจากมุ่งหวังสร้างสาระบันเทิงทางการเมือง เพื่อให้การเมืองไทยไม่เครียดเกินไปแล้ว ยังมีกระบวนการคิดนโยบายมาจาก การระดมสมองของสมาชิกพรรค ทั้งการเปิดตลาดนัดกลางคืน เพื่อเป็นช่องทางรายได้เพิ่มเติมของประชาชน ไปจนถึงการจัดรัฐสวัสดิการ ผ่านโครงการขนาดใหญ่อย่างอุตสาหกรรมป่าไม้ ที่ให้ชาวบ้านแบ่งหรือปรับพื้นที่ ปลูกต้นไม้ เนื่องจากสภาพอากาศและความอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทยเอื้อให้ต้นไม้โตเร็วกว่าภูมิภาคอื่นของโลก
แต่หากประชาชนที่ไม่มีที่ดิน ก็สามารถปลูกในพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่ของรัฐได้ โดยมีการลง id (เลขที่ประจำตัวประชาชน)ฝังชิพในต้นไม้ระบุความเป็นเจ้าของ, มีสถาบันการเงินคอยประเมินมูลค่าของต้นไม้แต่ละปี ซึ่งเชื่อว่าในระยะเวลา 20 -30 ปีจะนำรายได้เข้าสู่ประเทศไม่ต่ำกว่าระดับ GDP โดยภาครัฐสามารถนำเงินมาจัดสรรเป็นรัฐสวัสดิการได้ และมีนโยบายที่คาบเกี่ยวอย่างการปฏิรูปที่ดิน และการใช้ต้นไม้ที่ปลูกค้ำประกันเงินกู้ ระหว่างรอต้นไม้โตได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :