นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า หลังจากเลือกตั้งมายังไม่มีรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทยจาก 3.8% เหลือ 3.3% ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่า หลังจากนี้ภาวะเศรษฐกิจของไทยจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากจะมีคณะรัฐมนตรีเข้ามาทำงานเดินหน้านโยบายต่างๆต่อ ขณะที่การเบิกจ่ายการลงทุนจะยังมีต่อเนื่องแม้ว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะล่าช้ากว่าปกติ ซึ่งรัฐบาลจะพยายามเร่งการเบิกงบลงทุนของโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเดินหน้าต่อไปได้ดีกว่าการประมาณไว้แน่นอน
ส่วนความกังวลถึงการมีเสถียรภาพของการทำงานทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลใหม่ ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมานั่งในทีมเศรษฐกิจ นายสมคิด ยืนยันว่า ไม่ใช่ปัญหา เพราะเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศเช่นเดียวกัน ร่วมกันทำงานให้ประเทศเดินหน้า
นอกจากนี้ ยอมรับว่าการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ หรือ IMD ที่ดีขึ้น เกิดจากการพัฒนาของภาครัฐเท่านั้น ขณะที่ภาคเอกชนขีดความสามารถในการแข่งขันกลับลดลง ดังนั้นต้องการเห็นภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตนเองให้ดีขึ้น และต้องการให้ภาคเอกชนรายใหญ่ ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการส่งเสริมโครงการธงฟ้าประชารัฐ กระตุ้นการจับจ่ายและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงสินค้าราคาถูกได้มากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :