ไม่พบผลการค้นหา
"นภาพร" เรียกร้องรัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้ไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน ติงรัฐบาลไม่วางแผนส่งเงินถึงมือประชาชน ก่อนตัดสินใจล็อคดาวน์แก้โควิด-19

น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือกลุ่มตกสำรวจหรือไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือนจากรัฐบาล แม้รัฐบาลจะมีมาตรการอื่นๆ รองรับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับสิทธิ์เหล่านี้ เช่น โครงการช่วยเหลือของธนาคารต่าง ๆ แต่เป็นการช่วยเหลือกลุ่มคนที่มีสินเชื่อกับธนาคารอยู่ก่อนแล้ว เช่น ให้กู้ดอกเบี้ยต่ำหรือลดดอกเบี้ย ซึ่งยังไม่ครอบคลุมไปถึงประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่อยู่ในระบบนายจ้างโดยตรง แต่เป็นกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ ลูกจ้างอิสระ ลูกจ้างรายวัน พ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายน้อย หาบเร่แผงลอย หรือคนเร่ร่อน ซึ่งกระจายอยูทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดทั่วประเทศ ไม่มีหลักฐานตามเงื่อนไขการรับสิทธิ์เยียวยาจากภาครัฐ 

น.ส.นภาพร กล่าวว่า คนกลุ่มนี้ถือเป็นคนด้อยโอกาสทางสังคมและเข้าไม่ถึงระบบการเยียวยา จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร ในภาวะการหยุดจ้างงานเกือบทั้งระบบ บางจังหวัดห้ามแม้กระทั่งรถเร่ขายของตามหมู่บ้านหรือ"รถพุ่มพวง" อันเนื่องมาจากมาตรการต่างคนต่างคิดของผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัด เพื่อตอบสนองนโยบายเคอร์ฟิวของรัฐบาล

"มีการร้องเรียนมายังพรรคเสรีรวมไทยทั้งเรื่องการถูกเลิกจ้างฉับพลัน การปิดกิจการร้านค้าร้านอาหาร การห้ามขายของตลาดนัดตลาดสด ทำให้พวกเขาขาดรายได้ แต่ภาระที่ยังมีอย่างต่อเนื่องคือ ค่าเช่าห้อง ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายของบุตรหลาน ดอกเบี้ยเงินกู้ ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างไร เพราะการที่พวกต้องตกงานไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจ แต่เกิดจากมาตรการของรัฐเองที่บังคับให้ทุกคนต้องปฎิบัติตาม" น.ส.นภาพร กล่าว

น.ส.นภาพร กล่าวว่า ล่าสุดมีการลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาตามโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" ถึงกว่า 20 ล้านคน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการพิสูจน์สิทธิและอาจมีคนไม่ได้รับสิทธิเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนในการคัดกรอง รวมทั้งต้องชัดเจนในแหล่งที่มาของเงิน หากต้องช่วยเหลือถึง 20 ล้านคน ก็ต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท จึงขอถามว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเอาเงินจากแหล่งใดมาช่วยและจะทำอย่างไรให้เงินถึงมือประชาชนเร็วที่สุด

"ไม่ว่าจะเกลี่ยก่อนกู้ หรือจะกู้พร้อมเกลี่ย ก็ต้องรีบ ๆ ทำอะไรสักอย่าง เพราะชาวบ้านเขารอไม่ไหว เนื่องจากไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อ ไม่มีค่าเช่าห้อง ไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งที่จริงรัฐบาลต้องวางแผนส่งเงินช่วยเหลือให้ถึงมือประชาชนก่อน ก่อนที่จะมีการล็อคดาวน์ ไม่ใช่ปิดเมืองก่อน แล้วค่อยมาคิดหาวิธีช่วยเหลือทีหลัง เพราะมันจะทำให้คนจนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส และยิ่งสถานการณ์เคอร์ฟิวยืดเยื้อออกไปนานเท่าใด รัฐบาลก็ต้องเตรียมงบเอาไว้ช่วยเหลือคนจนมากขึ้นเท่านั้น" น.ส.นภาพร กล่าวทิ้งท้าย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :