กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. — วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ดร.นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย นำคณะผู้แทนจากภาครัฐและเอกชนไทยกว่า 40 ราย เข้าร่วมกิจกรรมสำคัญในงาน SelectUSA Investment Summit 2025 โดยได้เข้าร่วมเวทีหลัก (Plenary Session) ซึ่งรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ (นายฮาวเวิร์ด ลัทนิค : Howard Lutnick) ได้ย้ำในวิดีโอคำกล่าวว่า สหรัฐฯ คือจุดหมายลงทุนอันดับหนึ่งของโลก พร้อมเผยว่าที่ผ่านมา SelectUSA ได้ดึงดูดการลงทุนรวมกว่า 135 พันล้านดอลลาร์ และสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่ง
ดร.นลินีเผยเพิ่มเติมว่า ตนพร้อมกับ ดร. สุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้นำบริษัทไทยที่มีการลงทุนในสหรัฐอยู่แล้ว เช่น CPF Thai Union หรือ ปตท สผ เข้าเยี่ยมชมบูธของรัฐสำคัญ ๆ อย่างฟลอริดา โอไฮโอ มินนิโซตา และอิลลินอยส์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับทางรัฐเหล่านี้ทราบถึงการลงทุนของไทยในรัฐของตน ซึ่งการเยี่ยมชมได้เสียงตอบรับในเชิงบวก โดยทุกรัฐต่างแสดงความยินดีที่ทราบถึงการลงทุนของไทย และพร้อมที่จะสนับสนุนและให้คำแนะนำด้านต่างๆ แก่นักลงทุนไทยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ตนเห็นว่า ความร่วมมือระดับรัฐคือกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและขยายเครือข่ายเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ
ในช่วงบ่าย คณะฝ่ายไทยได้หารือกับ หอการค้าสหรัฐฯ (U.S. Chamber of Commerce : USCC) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าไทยและสหรัฐมีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชน ซึ่งตนได้เสริมว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่มีการลงทุนและการจ้างงานในสหรัฐฯ มากที่สุด โดยมีมูลค่ารวมกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างการจ้างงานไม่น้อยกว่า 15,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงบทบาทของไทยในฐานะพันธมิตรด้านเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งบริษัทรายสำคัญที่มีการลงทุนและจ้างงานจำนวนมาก เช่น อินโดรามา เวนเจอร์ส ก็อยู่ในที่ประชุมเช่นกัน ในขณะที่ USCC ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการผ่านความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไปด้วยกัน
ในช่วงค่ำ ดร.นลินีได้ร่วมกล่าวปาฐกถาในกิจกรรม Networking ของ US–ASEAN Business Council (USABC) จัดร่วมกับ The Asia Group โดยเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในฐานะ “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย” พร้อมระบุว่า การนำคณะนักลงทุนไทยขนาดใหญ่ที่สุดเข้าร่วมในครั้งนี้ สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของไทยในการขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการสร้างห่วงโซ่อุปทานร่วมระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวว่า “เราพร้อมบอกเล่าเรื่องราวของไทย และหวังว่า USABC จะเป็นกระบอกเสียงสนับสนุนไทยในสหรัฐฯ ด้วยอีกทาง”
ดร.นลินีย้ำปิดท้ายว่า “ความท้าทายย่อมมาพร้อมโอกาสเสมอ โดยการสนับสนุนของภาคเอกชนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการมุ่งไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งคือการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนและสมดุลระหว่างสองประเทศต่อไป”