ไม่พบผลการค้นหา
สั่งฟ้องเยาวชนอายุ 17 คดี 112 กรณีเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ อัยการระบุ "การเผาภาพ คือ การเผาพระองค์ท่าน"

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2566 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีครอบครัวและเยาวชน 1) ได้ยื่นฟ้องคดีของ “เค” (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 17 ปี (ขณะเกิดเหตุ) รวม 5 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, วางเพลิงเผาทรัพย์, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 มาตรา 216 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ออกนอกเคหสถานในเวลาห้าม) จากเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าได้ยิงหนังสติ๊กและเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ บริเวณดินแดง สืบเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564 

สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2564 “เค” พร้อมนักศึกษาอีกรายหนึ่ง ได้ถูกตำรวจจับกุมโดยไม่มีหมายจับและถูกแจ้งข้อกล่าวหาที่ สน.ดินแดง โดยขณะถูกจับกุม เคถูกควบคุมตัวราว 20 ชั่วโมง ตำรวจยังได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และรถจักรยานยนต์ ก่อนจะนำตัวมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและการเผาสิ่งของในที่ชุมนุมสามเหลี่ยมดินแดง ต่อมาตำรวจได้ไปร้องขอศาลออกหมายจับลงวันที่ 9 ก.ย. 2564 หลังเข้าค้นบ้านพักและยึดสิ่งของแล้ว 

เคถูกตำรวจนำตัวไปขอออกหมายควบคุมที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในวันที่ 10 ก.ย. 2564 ก่อนศาลจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยคดีของเคดำเนินการแยกกับคดีของนักศึกษา เนื่องจากยังเป็นเยาวชน

หลังจากคดีอยู่ในชั้นสอบสวนเกือบ 2 ปี สมสวาท เทพนำโสมนัสส์ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีครอบครัวและเยาวชน 1 ได้เป็นผู้เรียงฟ้องคดีนี้ โดยสรุปกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564 จําเลยกับพวกได้พากันออกจากเคหสถานมารวมกลุ่มมั่วสุมชุมนุมกันที่บริเวณทางลงทางด่วนดินแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 

จากนั้นจําเลยกับพวกได้ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้ายหรือกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ด้วยการขว้างปาประทัด ระเบิด ใช้หนังสติ๊กยางยิงลูกแก้ว และของแข็งชนิดต่างๆ เข้าใส่เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมฝูงชน และจุดไฟจนเป็นเพลิงลุกไหม้บนทางสาธารณะและไม่ให้ผู้ใช้เส้นทางสามารถเดินทางผ่านไปได้ จนเกิดความวุ่นวายขึ้นในบริเวณดังกล่าว 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจควบคุมฝูงชนได้ประกาศสั่งการให้ยุติการชุมนุม แต่จําเลยกับพวกซึ่งทราบคําสั่งของเจ้าพนักงานดังกล่าวแล้วยังคงไม่เลิกการชุมนุม

จําเลยยังร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ กล่าวคือ จําเลยกับพวกที่มาร่วมชุมนุมได้ร่วมกันยิงหนังสติ๊กเข้าใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ที่ติดตั้งไว้บริเวณทางด่วนดินแดง และจุดไฟใส่บริเวณฐานของพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 จํานวน 2 ป้าย ป้าย วปร. จํานวน 2 ป้าย และป้ายทรงพระเจริญ จํานวน 1 ป้าย ซึ่งเป็นทรัพย์สินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ผู้เสียหาย จนเกิดเพลิงลุกไหม้ที่บริเวณฐาน 

จากนั้นได้นําพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 มาฉีกจนขาด และนําพระบรมฉายาลักษณ์วางบนพื้นถนนแล้วเหยียบ แล้วจําเลยกับพวกได้วางเพลิงเผาจนแผ่นป้ายต่างๆ ได้รับความเสียหาย

อัยการบรรยายฟ้องว่า พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ถือได้ว่า “เปรียบเสมือนตัวแทนของพระองค์ท่าน การที่ประชาชนแสดงความเคารพต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ ก็เปรียบเสมือนเป็นการแสดงความเคารพ ต่อพระองค์ท่าน นอกจากนี้ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือได้ว่า เป็นสิ่งที่ใช้แสดงถึงสถาบันอันสูงสุดของประเทศ คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีคุณูปการต่อคนไทย และต่อประเทศไทยมาอย่างยาวนาน…” 

การเห็นบรมฉายาลักษณ์ คือ การเห็นพระองค์ท่าน “การที่จําเลยกับพวกร่วมกันเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พฤติกรรมเป็นการทําลายสถาบัน อันสูงสุดที่รักเคารพบูชา และเป็นจุดศูนย์รวมใจของพสกนิกรชาวไทย และการใช้เชื้อเพลิงและน้ํามัน เพื่อทําลายพระบรมฉายาลักษณ์สื่อถึงการทําลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นจุล

“การเผาภาพ คือ การเผาพระองค์ท่าน” เป็นการแสดงเจตนาว่า ต้องการลบล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบอบที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง และเป็นการแสดงออกถึงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ เป็นการกระทําที่ย่ำยี เหยียบย่ำหัวใจของคนไทยที่รัก และเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมราชินีอันเป็นที่รัก และเทิดทูนของพสกนิกรชาวไทย 

อัยการสรุปความเสียหายของแผ่นป้ายทั้งหมด คิดเป็นเงินจํานวน 25,266.98 บาท โดยหากจำเลยยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล

ภายหลังถูกสั่งฟ้อง เคให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา มารดาได้ยื่นขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์จำนวน 10,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ ก่อนที่ศาลเยาวชนฯ จะมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีอีกครั้งในวันที่ 24 ก.ค. 2566 เวลา 8.30 น.